BEC ชูนโยบายปันผลปีละ 2 ครั้งจูงใจผู้ถือหุ้น หลังต่างชาติทิ้งหุ้นบริษัทสัดส่วนลดลงต่ำสุดล่าสุดเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ ฉัตรชัยลุ้นปีนี้ 32-33 เปอร์เซ็นต์เร่งโรดโชว์ทั้งนิวยอร์คและสิงคโปร์

     นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน)หรือ BEC เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้นของบริษัทได้มีการเทขายหุ้นออกมาประมาณ 7-8 เปอร์เซ็นต์ เพราะปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลง และมีการถอนรายการบางรายการของช่อง 3 ออกไปช่องอื่น ซึ่งนักลงทุนต่างชาติ มีความกังวลกับเหตุการณ์ดังกล่าวแม้ว่าช่องดังกล่าวจะเป็นซูเปอร์ชาแนลไม่ได้ก็ตาม

     ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นบริษัทออกมาเป็นจำนวนมากส่งผลให้ราคาหุ้นในกระดานได้มีการปรับตัวลดลง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนรายย่อย รวมถึงนักลงทุนในประเทศได้เข้ามาไล่เก็บหุ้นของบริษัท จึงทำให้สัดส่วนการถือหุ้นกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น

     อย่างไรก็ตามอีกเหตุผลหนึ่ง ที่จะทำให้นักลงทุนเข้ามาถือหุ้นของบริษัทมากขึ้นเพราะบริษัทได้มีการเปลี่ยนนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้มีปีละ 2 ครั้งโดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรก ประกอบราคาหุ้นของบริษัทลดลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัท

     การที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นของบริษัท ทำให้ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นต่างชาติ เหลือ 30เปอร์เซ็นต์ จากเดิมเคยมีสัดส่วนที่สูงสุดประมาณ 38 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าต่ำสุดในประวัติการณ์การของบริษัท อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้เดินทางไปโรดโชว์ข้อมูลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ฮ่องกง โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ซีแอลเอสเอ จำกัดเป็นผู้เชิญชวนไปและวานนี้บริษัทได้นำเสนอข้อมูลในงานไทยแลนด์โฟกัส 2004ซึ่งมีกองทุนเข้ารับฟังข้อมูลประมาณ 20 รายและให้การตอบรับเป็นอย่างดี

     นอกจากนี้ปลายเดือนกันยายน 47 นี้บริษัทจะไปโรดโชว์กับนักลงทุนต่างชาติ ที่รัฐนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นจะไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 47 ทั้งสองงานนั้นจะมีบริษัทหลักทรัพย์ เจ.พี.มอร์แกน จำกัด เป็นผู้พาไป

     จากการที่ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทมีปริมาณการโรดโชว์ในต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าสัดส่วนการถือหุ้นนักลงทุนต่างชาติจะกลับคืนมาปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นมาได้อยู่ที่ประมาณ 32-33เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติคงจะเห็นอะไรที่ชัดเจนมากขึ้น ภายหลังจากที่บริษัทจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่เพดานการเข้าถือหุ้นของต่างชาติ นโยบายจะอยู่ที่ประมาณ 49 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสภาพคล่อง(ฟรีโฟลต)ของหุ้นในกระดานอยู่ที่ประมาณ 43 เปอร์เซ็นต์

     สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มมาลีนนท์ถืออยู่ 57 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็นนักลงทุนต่างชาติ ที่เป็นกองทุนถืออยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ และนักลงทุนสถาบันในประเทศ อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนกสิกรไทย กองทุนรวมวรรณ ประมาณ 6-9เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยถืออยู่ประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์

ที่มา www.kaohoon.com