+++++++++++++++++++++
"หยางผู้สื่อข่าวของฟอร์จูน นำเสนอข้อมูลเป็นกฎช่วยสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ ช่วยเติมเต็มความพยายามของภาครัฐ ในการให้ความรู้การออม และบริหารเงินแก่คนไทยทั้งในและต่างประเทศ"
++++++++++++++++++++
ความไร้วินัยไม่สามารถสร้างสรรค์ จัดระเบียบชีวิตการเงินของคนไทยทุกวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนระดับล่าง หรือแม้แต่คนชั้นกลางถึงสูงบางส่วนที่ยังใช้จ่ายไม่เป็น จนทำให้รัฐบาลไทยต้องเสียงบ ประชาสัมพันธ์ และรณรงค์กันอย่างต่อเนื่อง ได้กระตุ้นให้Tricks and Tips ฉบับนี้ให้ความสนใจกับข้อมูลของเจีย หลิน หยาง
ในฐานะผู้สื่อข่าวของฟอร์จูน นิตยสารเศรษฐกิจชั้นนำของสหรัฐ หยางได้นำเสนอข้อมูลเรื่อง "รวมกฎช่วยสร้างความมั่งคั่ง" ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ ช่วยเติมเต็มความพยายามในการให้ความรู้การออม และบริหารเงินแก่คนไทยได้
@"เริ่มต้นยิ่งเร็วยิ่งดี" หยางเริ่มจากกฎข้อนี้เป็นข้อแรก เพราะให้ความสำคัญกับอายุ และระยะเวลาการลงทุน โดยอายุที่เริ่มต้นลงทุน จะเป็นตัวกำหนดได้ว่าผู้ลงทุนร่ำรวยมากน้อยเพียงใด
หยางยกตัวอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างพนักงาน A และ B หากพนักงาน A ในวัย 22 ปี เริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 100 ดอลลาร์ หรือ 4,000 บาทเดือน และถ้าเงินลงทุนก้อนนี้โตขึ้นเรื่อยๆ 8% ต่อปีนับจากนี้ไปอีก 10 ปี พนักงาน A ก็สามารถจะหยุดลงทุนปล่อยให้เม็ดเงินงอกเงยเอง
ส่วนพนักงาน B รอคอยจนอายุ 32 ปีจึงคิดลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่ากัน 100 ดอลลาร์ ประมาณ 4,000 บาทต่อเดือน และผลตอบแทนที่ได้อยู่ที่ 8% ต่อปีเช่นเดียวกัน
ถ้าพนักงาน A และ B ลงทุนและเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจนอายุ 64 ปี พนักงาน A จะมีเงินเก็บ 234,600 ดอลลาร์ หรือประมาณ 9,384,000 บาท ส่วนพนักงาน B จะมีเงินสั่งสมจากการลงทุนน้อยกว่าเพียง 177,400 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,096,000 บาท
@"ออมด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" หากคนไทยทำงานบริษัทยังไม่ได้สมัครกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขอให้ฉุกคิดรีบสมัครเสียตั้งแต่วันนี้
เพราะในสหรัฐกองทุนสำรองเลี้ยงชีพถือเป็นการออมอย่างหนึ่ง ที่ได้ประโยชน์จากกรณีที่บริษัทให้เงินสมทบ เป็นสิทธิประโยชน์ในอนาคต รองรับภาวะฉุกเฉินเมื่อพนักงานต้องออกจากงานก่อนเกษียณ
ในไทยบริษัทหลายแห่งที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นทางเลือกออมและลงทุนเพื่ออนาคตสำหรับพนักงาน โดยจะนำเงินไปให้สถาบันการเงินหรือกองทุน ที่มีความเชี่ยวชาญบริหารเงิน ไปลงทุนให้เกิดดอกออกผลอีกทอดหนึ่ง
โดยหยางเปรียบเทียบว่า ในสหรัฐมีกฎหมายบำเหน็จบำนาญฉบับใหม่ออกมา กระตุ้นบริษัทหลายแห่งจัดให้มีบริการที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาการเงินให้พนักงาน เป็นการช่วยเหลือพนักงานอีกทางหนึ่งหากต้องออกจากงานพร้อมกับเงินก้อนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
@ "ออมกับลงทุนอย่างง่ายๆ" คนไทยทั่วไปในสหรัฐหรือชาวสหรัฐที่มีงานทำประจำ และไม่มีเวลาเลือกลงทุนในหุ้น หยางแนะนำให้มองหาลู่ทางลงทุน จากกองทุน 3 ประเภท
ประเภทแรกกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น ตามด้วยกองทุนซื้อขายเปลี่ยนมือได้ (Exchanged Traded Funds: ETFs) ซึ่งเป็นกองทุนรวมใช้ต้นทุนต่ำซื้อขายเหมือนหลักทรัพย์ และสุดท้ายกองทุนเล่นหุ้นขนาดเล็ก กองทุนเหล่านี้ช่วยกระจายการลงทุนมีความหลากหลายมากขึ้น
ในสหรัฐหยางแนะนำให้คนสหรัฐหรือคนไทยในสหรัฐ ที่ใกล้เกษียณ พิจารณากองทุนแวนการ์ดหรือ ที.โรวี่ ไพรซ์ ซึ่งให้บริการบริหารเงิน โดยเพิ่มบริการสร้างสมดุลให้กับเม็ดเงินในบัญชี ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของเจ้าของเงิน
@ "อย่าพยายามเอาชนะตลาด" เป็นคำเตือนและกฎที่หยางอธิบายว่า แม้แต่ผู้จัดการกองทุนเก่งที่สุด ยังพ่ายแพ้กับการขึ้นลงของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดังนั้นการไล่ให้ทันทำผลตอบแทนได้มากกว่าดัชนีตลาด จึงไม่ควรทำ
เพื่อหลีกเลี่ยงการติดกับดักความพยายามเอาชนะตลาดข้างต้น หยางแนะนำให้กระจายสินทรัพย์ และสร้างสมดุลให้พอร์ตตัวเองอย่างน้อยปีละครั้ง หรือจะใช้สูตรกับเครื่องมือตรวจสอบสินทรัพย์ ที่กองทุนมอร์นิ่งสตาร์มีให้เข้าไปใช้บริการฟรี จากเวบไซต์ www.morningstar.com
@ "อย่าไล่ตามกระแส" กฎข้อนี้หยางอธิบายว่า หากเจ้าของเงินหรือนักลงทุน ต้องการจะทำเงินให้งอกเงยในระยะยาว ไม่ควรปรับกลยุทธ์ทุกครั้ง ที่ได้ข่าวร้อนหรือข่าวด่วนมา
หยางขอให้นักลงทุนรอบคอบใจเย็น ค้นคว้าหาข้อมูลให้ได้ที่มาที่ไปชัดเจน อย่างในสหรัฐมีเวบไซต์กลั่นกรองข่าวต่างๆ ได้อย่าง Investopedia.com เพื่อแกะรอยต้นตอว่าข่าวที่เกิดขึ้นทำไมจึงเป็นข่าวร้อน และหากคำตอบที่ได้ เป็นเพราะมีคนดังเข้าไปช้อนซื้อหรือลงทุน หยางย้ำว่าขอให้อยู่ห่างการลงทุนประเภทนั้นไปเลย
@"อดออมแบบหักเงินอัตโนมัติ" คนไทยระดับล่างส่วนใหญ่ไม่คิดถึงการออม จนทำให้ภาครัฐต้องออกโฆษณากระตุ้น ขณะที่สหรัฐมีบริษัทเพิ่มจำนวนมากขึ้นมีสวัสดิการช่วย และจูงใจให้พนักงานออมเงิน ที่เรียกกันว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งให้ประโยชน์ทางภาษีด้วย
คนไทยเป็นมนุษย์เงินเดือน การเริ่มต้นออมเสียตั้งแต่วันนี้ ไม่เคยมีคำว่าสาย หากมีบัญชีเงินเดือนประจำ ขอให้เริ่มต้นจัดสรรแบ่งเงินเดือนบางส่วนไว้ โดยให้หักหรือโอนย้าย เข้าบัญชีเงินออมอีกบัญชีหนึ่งภายในธนาคารหรือระหว่างธนาคาร ในสหรัฐหยางแนะนำให้สอบถามบริการหักเงินเข้าบัญชีเงินออมอัตโนมัติของธนาคารเอชเอสบีซีและไอเอ็นจี
@"อายุน้อยมีเวลามากให้เน้นลงทุนหุ้น" ยิ่งเจ้าของเงินมีเวลามากขึ้น หยางเชื่อว่าความเสี่ยงที่เจ้าของเงินควรรับต้องมากขึ้นตามไปด้วย
หากอายุน้อยเพิ่งเริ่มต้นลงทุน 80-100% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ควรลงทุนในหุ้น และถ้าเจ้าของเงินมีเวลา 30 หรือ 40 ปี อะไรจะเกิดขึ้นตลอด 3 เดือนข้างหน้า หรือแม้แต่ช่วง 3 ปีจากนี้ไปก็ไม่สลักสำคัญ แต่สจ๊วต ริตเตอร์ นักวางแผนการเงินของกองทุน ที.โรวี่ ไพรซ์ เตือนว่าถ้าผู้ลงทุนจำเป็นต้องใช้เงินในช่วง 2 ปี และหุ้นกลับตกลง 40% ภายในปีเดียว ถือว่าเป็นปัญหา ดังนั้นวิธีง่ายที่สุด ให้เอาอายุของผู้ลงทุนไปลบ 120 ก็จะได้เปอร์เซ็นต์ ที่ควรลงทุนถือหุ้นไว้ ส่วนที่เหลือนำไปลงทุนในตราสารหนี้
@ "จัดระเบียบหนี้กับดอกเบี้ยบัตรเครดิต" กฎข้อสุดท้าย มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าหนี้จากบัตรเครดิตทุกใบไม่เท่ากัน หยางแนะนำให้เจ้าของบัตรเครดิตจัดลำดับดอกเบี้ยที่บัตรแต่ละใบเรียกเก็บ โดยหยางแนะคนไทยชอบกู้เงินผ่านบัตรว่า ให้วางบัตรที่คิดดอกเบี้ยแพงสุดอยู่อันดับแรกที่ต้องสะสาง จัดการคืนเงินต้นกับดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด
โดยปกติแล้ว บัตรเครดิตในสหรัฐ เรียกเก็บดอกเบี้ยแพงที่สุด 30% ซึ่งสูงกว่าบัตรเครดิตของธนาคารต่างชาติในไทยไม่มากนัก ในสหรัฐผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิต สามารถตรวจสอบดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งชาร์จ โดยเทียบดูได้จากเวบไซต์ Bankrate.com
|