April 28, 2024   5:28:33 PM ICT
พักเงินให้งอกเงยใน กองทุนตราสารตลาดเงิน

สรวิศ อิ่มบำรุง

นอกจากอุตสาหกรรมกองทุนรวม จะมีกองทุนตราสารหนี้แบบมีอายุประเภท Roll Over 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ออกมาท้าชนกับเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ที่มีระยะเวลาการลงทุนเท่ากันแล้ว

ยังมี "กองทุนตราสารตลาดเงิน" หรือ "Money Market Fund" ที่ออกมาประกบ เพื่อแย่งชิงฐานเงินฝากออมทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยเช่นเดียวกัน

ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อม ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความ "มั่นคง" และมี "สภาพคล่อง" อีกทั้งยังให้ "ผลตอบแทนที่สูงกว่า" เงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ และยัง "ไม่ต้องเสียภาษี" อีกด้วย

จึงไม่น่าแปลกใจที่กองทุนตราสารตลาดเงินจะเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเองก็ยังมีความสับสนเกี่ยวกับกองทุนตราสารตลาดเงินอยู่มากพอสมควร

Fundamentals สัปดาห์นี้ จะพาคุณมาทำความรู้จักและเข้าใจกองทุนตราสารตลาดเงินให้มากยิ่งขึ้น

...............................................

เมื่อ "กองทุนตราสารตลาดเงิน" ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุน หลายคนอาจจะเคยคิดไปเองว่ากองทุนตราสารตลาดเงินที่ไหนก็น่าจะเหมือนๆ กัน

แต่เมื่อพบว่ากองทุนตราสารตลาดเงินของ บลจ.บางแห่ง ทำไมจึงมีผลการดำเนินงานที่แตกต่างกันมากเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เป็นกองทุนตราสารตลาดเงินเหมือนกัน จนอาจจะนำไปสู่บทสรุปที่ว่า กองทุนตราสารตลาดเงินของ บลจ.หนึ่ง ดีกว่าอีก บลจ.หนึ่ง

แน่นอนหากมองเพียงผิวเผินแล้ว กองทุนตราสารตลาดเงินเหมือนกัน ผลการดำเนินงานก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมาก แต่เพราะมีความแตกต่างของกองทุนตราสารตลาดเงินในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ผลการดำเนินงานจึงแตกต่างกันได้ แล้วอาจจะทำให้หลายคนที่ไม่เข้าใจสับสนไปได้เช่นกัน

@2 รูปแบบที่แตกต่าง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต อธิบายให้ฟังว่า กองทุนตราสารตลาดเงินตามนิยามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)จะต้องลงทุนในตราสารที่มี "อายุต่ำกว่า 1 ปี ทั้งหมด" ซึ่งสามารถเปิดให้ผู้ลงทุนทำการซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวัน ซึ่งผลตอบแทนก็จะแตกต่างกันน้อยมาก

แต่ก็มีกองทุนอีกประเภทหนึ่งที่ใช้ชื่อกองทุนตราสารตลาดเงินเหมือนกัน ถ้าดูแค่ชื่อผู้ลงทุนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกองทุนประเภทเดียวกัน แต่กองทุนตราสารตลาดเงินประเภทหลังนี้ จะไม่เปิดให้ทำการซื้อขายทุกวัน แต่จะเปิดให้ทำการซื้อขายได้เป็นรอบ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ตามแต่จะกำหนด โดยตราสารที่ลงทุนในพอร์ตจะมี "อายุเฉลี่ยของตราสารรวมกันแล้วไม่เกิน 1 ปี" คือ อายุของตราสารที่ลงทุนไม่ได้ต่ำกว่า 1 ปีลงมาทั้งหมด อาจจะมีอายุเกิน 1 ปีผสมอยู่ด้วย แต่เมื่อนำมาเฉลี่ยแล้วจะมีอายุไม่เกิน 1 ปี

"ซึ่งหากนักลงทุนฟังดูแค่ชื่อเพียงผิวเผิน อาจจะรู้สึกว่าเป็นกองทุนตราสารตลาดเงินเหมือนกัน และทำให้ผู้ลงทุนสับสนได้ คือ มองในไส้พอร์ตมันอาจจะดูเหมือนคล้ายกันคือ ลงทุนสั้นเหมือนกัน แต่ในแง่ของความยืดหยุ่นในการลงทุนแล้ว กองทุนที่เจือตราสารหนี้ที่มีอายุยาวได้ผลตอบแทนของเขาก็จะดีกว่า ถ้าเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนตราสารตลาดเงินด้วยกัน อาจจะดูเหมือนกองทุนตราสารตลาดเงินที่ซื้อขายได้ทุกวันแพ้ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ไม่สามารถจะเทียบกันได้ เพราะไส้ในไม่เหมือนกัน เป็นคนละเนื้อจึงเทียบกันไม่ได้ เพราะสินทรัพย์ข้างในที่กองทุนทั้ง 2 ประเภทลงทุนนั้น แตกต่างกัน ตรงนี้ คือ ความแตกต่างของกองทุนตราสารตลาดเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน"

ในขณะที่ "บุญชัย เกียรติธนาวิทย์" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต มองว่า การที่ บลจ.ไม่จดทะเบียนกองทุนเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เพราะเขาอาจจะใช้ช่องทางที่กว้างปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ในแต่ละช่วงเวลา สมมติตอนนี้เขาเชื่อว่าเทรนด์ดอกเบี้ยลงแล้วเขาก็เจือตราสารหนี้ระยะยาวไปนิดหนึ่ง เขาก็อาจจะเพิ่มผลตอบแทนได้ แต่การเจือตราสารหนี้ระยะยาวมันก็มีความเสี่ยง เพราะคุณเจือตราสารหนี้ระยะยาวเข้ามาในพอร์ตก็เพราะคิดว่าดอกเบี้ยจะลง แต่ถ้าดอกเบี้ยกลับทางขึ้นเขาก็จะขาดทุนได้เช่นเดียวกัน

แต่ถ้าเป็นกองทุนตราสารตลาดเงินจริงๆ ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามลงในตราสารหนี้ที่มีอายุเกิน 1 ปี ยังไงผู้จัดการกองทุนก็ห้ามไปลงทุนในตราสารหนี้อายุเกิน 1 ปี แน่นอนไม่ว่าดอกเบี้ยขึ้นหรือลงคุณก็ลงทุนอยู่ไม่เกิน 1 ปี ดังนั้นความเสี่ยงจึงต่ำกว่า ความผันผวนก็จะน้อยกว่าด้วย เพราะเป้าหมายของกองทุนตราสารตลาดเงินนั้นเน้นผลตอบแทนที่ดีพอสมควร ในขณะที่ความเสี่ยงต่ำ โดยนโยบายของกองทุนตราสารตลาดเงินเองมันบังคับตัวเองอยู่แล้ว

"ผู้ลงทุนจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า ผู้จัดการกองทุนจะมานั่งทายดอกเบี้ยจากโครงสร้างนี้มั้ย คือ ถ้ากองทุนตราสารตลาดเงินจำกัดโครงสร้างของตัวเองไว้แบบนี้ชัดเจน เป็นกองทุนตราสารตลาดเงินจริงๆ ผู้ลงทุนก็สบายใจได้ว่า เขาไม่ต้องห่วงว่าดอกเบี้ยขึ้นดอกเบี้ยลงแล้ว ผู้จัดการกองทุนจะต้องทำอะไรพิเศษเพื่อเพิ่มหรือลดอายุของตราสารในพอร์ต(Duration)หรือไม่ เพราะตราสารทุกตัวที่ลงทุนจะต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปี อยู่แล้ว"

@ ความเสี่ยงต่ำโดยธรรมชาติ

ตระกูลจิตร บอกว่า เนื่องจากกองทุนตราสารตลาดเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำโดยธรรมชาติ โอกาสที่มันจะผันผวนแรงๆ จึงน้อยมาก แม้แต่วันที่อัตราผลตอบแทนของตลาดตราสารหนี้(Yield)กระตุกขึ้นมาแรงๆ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่มีผลกระทบมากนัก บางครั้งที่ยีลด์กระตุกแรงๆ อาจจะติดลบไปบ้าง 1 วัน แต่พรุ่งนี้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV)ก็จะกลับมา บริหารกองทุนตราสารตลาดเงินมาประมาณ 2 ปี NAV ติดลบไป 4-5 วันเท่านั้นเอง แต่นั่นต้องเจอยีลด์กระโดดขึ้นมาแรงจริงๆ

ดังนั้น ด้วยลักษณะของกองทุนตราสารตลาดเงินเองโอกาส ที่ผู้ลงทุนจะตื่นตระหนกต้องรีบมาขายแล้วทำให้ยีลด์กระทบแรงๆ มันก็จะน้อยกว่าตราสารหนี้ทั่วไป คือ ผลกระทบอาจจะมีได้ แต่มันจำกัด เพราะตัวนโยบายของมันเองไปจำกัดความเสี่ยงตรงนั้นอยู่แล้ว

โดยการบริหารกองทุนตราสารตลาดเงิน เราต้องการความนิ่งให้มากที่สุด ผลตอบแทนพอสมควรนั่นคือ เป้าหมาย เพราะฉะนั้นผู้จัดการกองทุนเขาก็จะกระจายตราสารไปไม่ให้กระจุกตัว อย่างเช่นถือตราสารการเงินตั้งแต่ตั๋วเงินคลังสั้นมากๆ เพียงไม่กี่วันจนกระทั่งหลายเดือน หลายรุ่นปนกัน เงินฝากก็หลายช่วงอายุแบบนี้เป็นต้น ให้เขามีกระแสเงินสดเข้ามาตลอดแล้วลงทุนใหม่ไปเรื่อยๆ ตามทิศทางดอกเบี้ย

"สิ่งที่เราบอกผู้ลงทุนได้คือ ตราสารที่กองทุนตราสารตลาดเงินลงทุนเป็นตราสารที่ขายได้แน่ นักลงทุนไม่ต้องกลัวว่าตราสารหนี้จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด(Default) เพราะตราสารหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นของรัฐบาล ถ้าจะมีเงินฝากก็อาจจะเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ของสถาบันการเงินที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วๆ ไป เครดิตก็ดี เพราะฉะนั้นการที่เขาจะห่วงเรื่องดีฟอลท์ก็จะน้อย"

@มุมมองของผู้จัดการกองทุน

ตระกูลจิตร บอกว่า กองทุนตราสารตลาดเงินต่างกับกองทุนตราสารหนี้แบบ Roll Over เพราะมีมุมมองของผู้จัดการกองทุนอยู่ในการบริหารกองทุนด้วย ในขณะที่กองทุนตราสารหนี้แบบ Roll Over นั้น เมื่อซื้อตราสารหนี้มาแล้วก็ถือจนครบอายุ รอรับผลตอบแทนซึ่งสามารถประมาณออกมาได้จากตราสารในวันที่เข้าลงทุนนั่นเอง

แต่กองทุนตราสารตลาดเงินจะมีมุมมองของผู้จัดการกองทุนอยู่ในนั้นด้วย ถ้าดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงแล้วเงินฝากน่าสนใจ เราอาจจะล็อกเงินฝากบางส่วนเอาไว้ 1 ปี สมมติดอกเบี้ยมันลง เราก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากการล็อกเงินฝากบางส่วนไว้ตรงนี้ เพราะหากไม่ล็อกเงินฝากบางส่วนแล้วดอกเบี้ยลงในอนาคต เมื่อเอาไปฝากใหม่ เราอาจจะได้รับดอกเบี้ยที่น้อยลง หรือมองว่าดอกเบี้ยจะลง อาจจะถือตั๋วเงินคลัง(T-Bill) 1 ปี มากกว่าที่จะถือ 3 เดือน อะไรแบบนี้เป็นต้น

"ถ้ามีวิวอย่างนั้นประกอบ มองถูกมันก็จะได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ถือว่ามันผันผวนมาก เพราะตราสารหนี้ที่กองทุนตราสารตลาดเงินลงทุนมันสั้นอยู่แล้ว อายุไม่เกิน 1 ปีทุกตัว แต่อย่างน้อยมันมีวิว ในขณะที่กองทุนตราสารหนี้แบบ Roll Over จะไม่มีส่วนนี้ จะเหมือนกันหมด ไม่ได้ใช้ฝีมือของผู้จัดการกองทุน"

@ดีมานด์เดิม&ดีมานด์ใหม่หนุนโตต่อเนื่อง

ตระกูลจิตร มองว่า ไม่ว่าสภาวะตลาดหุ้นจะเป็นเช่นไร ก็มีดีมานด์ในกองทุนตราสารตลาดเงินอยู่แล้ว ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้น้อย ซึ่งเป็นดีมานด์เดิมที่มีอยู่แล้ว ปัจจุบัน(สิ้นปี 2549)มีขนาดประมาณ 16,334.04 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับกองทุนรวมประเภทอื่นในแง่ของขนาดเม็ดเงิน

นับว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้มีเงินออมส่วนใหญ่ ที่นิยมชมชอบการฝากเงินไว้ที่ธนาคาร ในเบื้องต้นเมื่อคิดที่จะลงทุนก็ควรจะเข้ามาลงทุนในทรัพย์สินที่ปลอดภัย ก็คือ กองทุนตราสารตลาดเงิน แม้ว่าจะไม่ใช่เงินฝากแต่ก็ใกล้เคียงกันมากทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อเจาะจงลงไปที่คุณภาพของสินทรัพย์ จะพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นพันธบัตรรัฐบาลจึงถือเป็นอีกช่องทางในการลงทุนที่ดีสำหรับผู้มีเงินออมในปัจจุบัน

"ผู้ที่ลงทุนใน Asset Class อื่นๆ เช่น หุ้น กองทุนตราสารตลาดเงินก็ถือเป็นเครื่องมือที่ดีโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนหรือมีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น กองทุนตราสารตลาดเงินก็ถือว่าเป็นช่องทางที่ผู้ลงทุนในตลาดหุ้นจะเข้ามาพักเงินไว้ชั่วคราวได้อีก ก็น่าจะมีดีมานด์ใหม่จากนักลงทุนกลุ่มนี้เพิ่มเข้ามาด้วยในปีนี้ โดยตลาดของกองทุนตราสารตลาดเงินจะมี 2 ส่วน คือ ตลาดที่เป็นดีมานด์ปกติที่ต้องการได้ดอกผลที่มั่นคง ดีกว่าเงินฝาก แล้วไม่เสี่ยงกับการขาดทุนเงินต้น(Capital Loss) ซึ่งมันมีตลาดใหญ่อยู่แล้ว กับส่วนที่เพิ่มเข้ามาจากคนที่เอามาเสริมตอนที่ภาวะมีความเสี่ยงสูง ก็โยกเงินมาพักเอาไว้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม แล้วดีมานด์ในกองทุนตราสารตลาดเงินจะมาจากฐานลูกค้าเดิมๆ ที่รับความเสี่ยงได้น้อยเป็นสำคัญ"

@บริหารได้เหมือนกับเงินฝากออมทรัพย์

บุญชัย มองว่า ตอนนี้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ตั้งแต่ 3.5-4.5% แล้วแต่วงเงิน แต่คุณจะต้องฝากอยู่ตรงนี้ 3 เดือน ถึงจะได้ผลตอบแทนตามนี้ แต่การลงทุนในกองทุนตราสารตลาดเงินนั้น คุณสามารถได้ผลตอบแทนในระดับเดียวกันประมาณ 4.0% โดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่นานถึง 3 เดือนด้วยซ้ำไป

และหากผู้ลงทุนมีการวางแผนใช้เงินดีๆ แล้วก็สามารถที่จะใช้ประโยชน์จากกองทุนตราสารตลาดเงินในลักษณะที่ใกล้เคียงกันกับเงินฝากออมทรัพย์ได้อีกด้วย เพราะคุณขายหน่วยลงทุนวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้รับเงิน(T+1) คือได้รับเงินช้าไปจากวันที่สั่งขายไปเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่คุณได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งถือว่ามีข้อดีข้อเสียคนละแบบ

อย่างเงินฝากออมทรัพย์คุณถอนเงินวันนี้ คุณก็ได้เงินเลย แต่กองทุนตราสารตลาดเงินจะได้ T+1 คือ คุณถอนเงินวันนี้ พรุ่งนี้ถึงจะได้เงิน ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องในเวลาที่ถอนเงิน กองทุนตราสารตลาดเงินก็ไม่สามารถจะช่วยเขาได้เช่นเดียวกัน

"ดังนั้น ผู้ลงทุนจะต้องวางแผนการใช้เงินของตัวเองเอาไว้ให้ดี ต้องวางแผนว่าในแต่ละวันตัวเองมีค่าใช้จ่ายเท่าไร หากมีเหตุต้องใช้เงินมากกว่านั้น มีเวลารอสักวันมั้ย ถ้าแบบนั้นเขาก็สามารถที่จะใช้กองทุนตราสารตลาดเงินได้ ผมว่าผู้ลงทุนควรจะต้องมีทั้งคู่ คือ มีทั้งออมทรัพย์และกองทุนตราสารตลาดเงิน เพราะผลตอบแทนของเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยอยู่ประมาณ 0.75-2.0% สำหรับบางธนาคาร แต่มาฝากกับกองทุนตราสารตลาดเงินได้เฉลี่ย 4.0% ต่างกันค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ช้าไป 1 วัน แต่คุณได้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น"

@ผลตอบแทนเป็นไปตามภาวะตลาด

อย่างไรก็ตาม ตระกูลจิตร ยอมรับว่าผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินนั้น ก็จะเป็นไปตามสภาวะของตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้ในแต่ละขณะ ในอดีตที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงกว่าผลตอบแทนของดอกเบี้ยและตราสารหนี้ ในช่วงนั้นผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้

แต่ในช่วงนี้ที่แนวโน้มของเงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่ำกว่าดอกเบี้ยและผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ กองทุนตราสารตลาดเงินก็สามารถที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้น จะบอกว่าผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินจะดีกว่าเงินเฟ้อเสมอไปหรือไม่ ตอบไม่ได้ แล้วแต่ช่วงภาวะของตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้และเงินเฟ้อในขณะนั้นๆ เมื่อแนวโน้มของดอกเบี้ยปรับตัวลง ผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินก็จะปรับลงด้วยเช่นเดียวกัน ผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินจึงคล้ายกับดอกเบี้ยลอยตัวที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาดนั่นเอง

"แต่โดยปกติแล้วกองทุนตราสารตลาดเงิน จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ แต่จะดีกว่าเสมอไปหรือไม่ ตอบไม่ได้ แล้วแต่ภาวะของตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้ในแต่ละช่วงด้วย แต่โดยธรรมชาติของเงินฝากออมทรัพย์ผลตอบแทนต้องต่ำอยู่แล้ว เพราะเป็นอะไรที่คุณถอนง่ายแบงก์เขาบริหารสภาพคล่องยาก แต่กองทุนตราสารตลาดเงินได้เจือตราสารที่มีอายุเข้าไป เพราะใช้หลักที่ว่าตราสารที่ลงทุนมันขายได้ และลูกค้าแต่ละคนไม่ได้มาถอนพร้อมกัน เพราะฉะนั้นจริงๆ เราจึงไม่ได้ถือครองตราสารอายุ 1-2 วัน เราอาจจะเจือตราสารอายุ 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือนเข้าไปได้ เพราะมีลูกค้าเพียงบางส่วนเท่านั้นที่จะต้องการสภาพคล่องในแต่ละวัน การที่เราลงตราสารที่ยาวกว่าออมทรัพย์ปกติแล้วก็มีสภาพคล่องก็จะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนตราสารตลาดเงินมันสูงกว่าออมทรัพย์โดยปกติอยู่แล้ว"

ทั้งหมดนี้คงช่วยทำให้ผู้ลงทุนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนตราสารตลาดเงินมากขึ้น เพื่อที่จะได้เลือกลงทุนได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวคุณเอง

เข้าชม: 2,838

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com