2 โบรกฯประเมินตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 สดใสต่อหลังดัชนีพุ่ง 13 วันขึ้นกว่า 44 จุด เกียรตินาคิน ประเมิน 650-670 จุด หากไม่มีปัจจัยร้ายแทรก ไทยพาณิชย์มอง 670-680 จุด ชี้ เฟดประชุม 21 ก.ย.ตัวกดดันระยะสั้น แนะระวังขายทำกำไรหากขึ้นไป 670 จุด ด้านยรรยง นักลงทุนรายใหญ่จับตาราคาน้ำมันปัจจัยสำคัญ มองปีนี้ปีหุ้นปรับฐานนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นอ่านเกมถูก
       
        นับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนมานี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นกว่า 44 จุด จากหลายปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยคลี่คลายลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ย เรื่องของราคาน้ำมันที่นิ่ง หลังจากแกว่งตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ตัวเลขซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างประเทศก็โชว์ยอดซื้อสุทธิกว่า 1 หมื่นล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา
        แต่อย่างไรก็ดีปัจจัยสนับสนนุนสำคัญประการหนึ่งที่ใครต่อใครพากันกล่าวขานถึงว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นภาวะการลงทุนในตลาดให้กลับมาคึกคัก ก็คือ งานไทยแลนด์โฟกัส 2004 ที่เริ่มในวันนี้ (20 ก.ย.) ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นเหนือระดับ 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน บางวันกระชากขึ้นไปถึง 3 หมื่นล้านบาทต่อวัน และล่าสุดโบรกเกอร์ประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยช่วงจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 ว่ายังเป็นช่วงสดใส
        นางวิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้น่าจะแกว่งตัวอยู่บริเวณ 650-670 จุด ทั้งนี้เพราะตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยบวกอยู่ส่วนมาก ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับการลงทุน โดยประเด็นในเรื่องงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 20-23 ก.ย.นี้ จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยยังคึกคักต่อไป
        แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ ทั้งจากกองทุนต่างชาติเข้าเริ่มเข้ามาเก็บหุ้นไทยพอสมควร อย่างไรก็ตามในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนตอบรับข่าวงานไทยแลนด์โฟกัสและเก็งกำไรความคาดหวังหลังงานไทยแลนด์โฟกัสมามากพอสมควรแล้ว ดังนั้นปัจจัยเรื่องนี้ไม่น่าจะส่งผลดีกับตลาดในสัปดาห์นี้ไม่มากนัก
        อย่างไรก็ตามปัจจัยที่น่าติดตามเรื่องการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะประชุมในวันที่ 21 ก.ย.นี้ เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเชื่อว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.25% เรื่องดังกล่าวจะเป็นปัจจัยลบระยะสั้นกับตลาดหุ้น ประกอบกับดัชนีขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 600 จุด มาอยู่ประมาณ 670 จุด น่าจะเริ่มมีแรงเทขายออกมาเพื่อทำกำไร นักลงทุนต้องระมัดระวัง
        ทั้งนี้มองดัชนีในสัปดาห์นี้แนวต้านที่ 670-680 จุด แต่นักลทุนควรจับตาดูทิศทางของหุ้นใหม่ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 21 ก.ย.นี้หุ้น ดีคอน คอนสตรัคชั่น เข้าซื้อขาย ว่าจะยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบันมากน้อยขนาดไหน เรื่องดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่สามารถกำหนดทิศทางของดัชนีได้
        นอกจากนี้ต้นสัปดาห์หน้าวันที่ 27 ก.ย. คณะกรรมการเจ้าหนี้ จะโหวดแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (ทีพีไอ) ดังนั้นคาดว่าน่าจะมีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นทีพีไอต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะหากโหวดแผนผ่านจะแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะเป็นผลดีกับราคาหุ้น แต่หากผลโหวดไม่ผ่านก็จะกระทบต่อราคาหุ้นทีพีไอด้วย
        นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวไม่เกิน 670-680 จุด ส่วนครึ่งหลังของสัปดาห์ข่าวผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยเร่งปฏิกิริยาตลาดหุ้น ตามภาวะที่เป็นอยู่ขณะนั้น
        ด้านนายยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อเศรษฐกิจการเมืองกับตลาดหุ้นไทย ซึ่งจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ว่า ปีนี้เป็นปีที่ดัชนีปรับฐานหลังจากที่ในปีที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นจากระดับ 350 จุด ไปที่ 800 จุดในช่วงต้นปีนี้ ส่วนการลงทุนในขณะนี้มีปัจจัยเรื่องงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 เข้ามาสนับสนุนเลยสดใส แต่ไม่สามารถระบุชัดว่าจะยังสดใสต่อไปแค่ไหนจึงมองว่านักลงทุนที่ซื้อขายเก็งกำไรยังสามารถเข้าซื้อขายเก็งกำไรได้ แต่เมื่อใดที่เข้าลงทุนแล้วเกิดขาดทุนเป็นครั้งแรกให้หยุดเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน นอกจากนี้ยังมองว่าปีนี้เป็นปีที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ที่มองภาพการลงทุนถูก ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศในปีนี้ไม่ใช่ผู้ที่เข้ามารับซื้อของแพงจากนักลงทุนสถาบัน
        อย่างไรก็ตามมองกรอบดัชนีปีนี้ไว้ที่ 720 จุด ส่วนปัจจัยที่ให้ความสำคัญคือ ราคาน้ำมัน เนื่องจากประเทศไทยต้องใช้น้ำมันจำนวนมากในการผลิตต่าง ๆ

ที่มา www.manager.co.th