ยูบีเอส ระบุ หุ้นกลุ่มสื่อสารและพลังงาน บวกกับเศรษฐกิจไทย ที่โตได้ในระดับ 4-5% จะฉุดให้ดัชนีหุ้นไทยปีหน้า ขึ้นได้ถึง 848 จุด ขณะเดียวกัน ลดน้ำหนักการลงทุน หุ้นอสังหาริมทรัพย์-กลุ่มแบงก์ เหตุรับผลกระทบกฎแบงก์ชาติกำกับดูแลเข้มงวดขึ้น

นายคีธ เนรูดา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเพื่อการลงทุน บล.ยูบีเอส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บล.ยูบีเอส (ประเทศไทย) ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มาอยู่ในระดับกลางจากเดิมที่ให้น้ำหนักการลงทุนในระดับสูง โดยให้เหตุผลว่ามาตรการที่เข้มงวดขึ้น เพื่อกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แม้จะเป็นผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว แต่ระยะสั้นยังมีความไม่แน่นอน ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยง ขณะเดียวกัน ยังลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากประเมินว่าผลประกอบการน่าจะปรับลดลง

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าหุ้นกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม และพลังงานจะเป็นแรงผลักดันดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าให้สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยบวกกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ประเมินว่าจะมีอัตราการขยายตัวในระดับ 4-5% ทำให้ประเมินว่าดัชนีสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 848 จุด ซึ่งเป็นเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม และพลังงานได้รับผลบวกจากการบริโภคในประเทศ

ปัจจัยหลักที่เชื่อมั่นว่าดัชนีจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้คือ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัว 4-5% และอีกปัจจัยหนึ่งที่จะกระตุ้นความสนใจของตลาดโดยรวมคือ ความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้กับประชาชนทั่วไปของบริษัทไทยออยล์ และยังสามารถช่วยให้ตลาดกำหนดมูลค่าของผลประโยชน์ของ ปตท.ในบริษัทกลุ่มโรงกลั่นได้

เขากล่าวว่า ยูบีเอส (ประเทศไทย) ตั้งข้อสังเกตว่า ภาคธุรกิจโทรคมนาคม โดยเฉพาะหุ้นของการสื่อสารไร้สายยังอยู่ในช่วงขยายตัว โดยมองว่าระดับกำไรยังสามารถไต่เพดานได้อีก แม้ว่าการเติบโตในธุรกิจโทรศัพท์มือถือได้ชะลอตัวลงจากระดับสูงสุดในปีที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้จะได้รับผลดีจากการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กทช.เพราะมีความชัดเจนว่าภาครัฐจะเข้ามาดูแลระบบการสื่อสารในประเทศ และถือเป็นการปูทางสำหรับการจัดตั้งกฎเกณฑ์การเชื่อมโยงเครือข่ายโทรคมนาคม การแปลงสัมปทานและการเปิดโอกาสการลงทุนใหม่ๆ

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มสื่อสารที่บริษัทให้น้ำหนักการลงทุนคือ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส เป็นหุ้นที่บริษัทให้น้ำหนักการลงทุนและคาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้น 28.5% ภายใน 1 ปี จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 99.00 บาท

สำหรับดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ บล.ยูบีเอส (ประเทศไทย) ประเมินว่า น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะอยู่ในระดับใด โดยงานไทยแลนด์ โฟกัสที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติพบปะกับภาครัฐของไทยจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ขณะที่การลงทุนของต่างชาติในระยะนี้ก็ตอบรับกับงานดังกล่าวแล้ว และมองว่าการลงทุนของต่างชาติรอบนี้น่าจะเป็นการลงทุนระยะยาว เนื่องจากหุ้นที่ลงทุนส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่

เท่าที่ประเมินนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทย และมองว่าน่าจะเป็นการลงทุนระยะยาว ส่วนระยะเวลาจะนานแค่ไหนไม่สามารถบอกได้ เพราะรอบการลงทุนของแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ส่วนยูบีเอสมองการลงทุนระยะยาวน่าจะอยู่ที่ 1 ปีนับจากนี้ โดยมองว่า โอกาสที่หุ้นใหม่จะเข้าตลาดมีจำนวนมากขึ้น เช่น ไทยออยล์ อสมท และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ นายคีธ กล่าวและว่า นักลงทุนต่างชาติจะมีบทบาทในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุน 20% ของมูลค่าตลาดรวม

สำหรับการให้น้ำหนักการลงทุนของยูบีเอสในประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว จะอยู่ในระดับกลาง ขณะที่น้ำหนักการลงทุนหลักจะอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย โดยประเมินปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่มีต่อไทยมากจะมาจากปัจจัยภายนอก ซึ่งได้แก่ เศรษฐกิจต่างประเทศ ส่วนปัจจัยภายในจะมีผลกระทบเล็กน้อยจากปัญหาราคาน้ำมันแพง

ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดที่หลายฝ่ายเป็นห่วงจากปัญหาการนำเข้าที่มากกว่าการส่งออก ประเมินว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบที่รุนแรง เนื่องจากการนำเข้าก็มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในด้านการลงทุนซึ่งจะมีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทประเมินว่าจะอยู่ที่ 41.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายปีนี้ และ 41.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายปีหน้า

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ