May 11, 2024   4:03:43 PM ICT
GRAMMY สายป่านยาว

ผู้ถือหุ้นใหญ่1.นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม 266,664,430 หุ้น 54.42%2.CHASE NOMINEES LIMITED 42 43,162,900 หุ้น 8.81%3.นางวิภาพร สมคิด 19,521,720 หุ้น 3.98%4.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 18,780,010 หุ้น 3.83%5.นายทวีฉัตร จุฬางกูร 15,800,000 หุ้น 3.22%คณะกรรมการ1.นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ 2.นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร 3.นายกิตติศักดิ์ ช่วงอรุณ กรรมการ 4.นางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา กรรมการ 5.นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการ
          ถึงแม้ตัวผู้บริหาร บริษัท แกรมมมี่ จำกัด(มหาชน) หรือ GRAMMY จะเอาตัวเข้าไปผูกติดกับการเมืองเกินหน้าเกินตานักธุรกิจทั่วไป แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นก็ไม่ส่งผลกระทบกระเทือนความมั่นคงของบริษัทมากเท่าใดนัก
          เนื่องจากฐานเงินทุนที่มีมากถึง 3,613.80 ล้านบาท ช่วยให้การดำเนินงานในส่วนต่างๆ เดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่น ขณะที่เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดซึ่งมีอยู่ในมือ 1,195.80 ล้านบาท ก็เป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถรุกคืบไปยังธุรกิจอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
          เพียงแต่จุดแข็งที่กล่าวมาทั้งหมด กลับไม่ช่วยให้พัฒนาการของบริษัทดีขึ้น และครองความเป็นผู้นำธุรกิจบันเทิงอย่าสงบูรณาการเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว หลังบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นมาเป็นจำนวนมากไม่สามารถทำกำไรตามเป้าที่ตั้งไว้


          รวมทั้งการที่ผู้บริหารระดับสูงเพิ่งตื่นตัว พร้อมกับเร่งปรับธุรกิจเข้าสู่ยุคดิจิตอลเต็มตัวย่อมเป็นการเสียโอกาสในการทำธุรกิจอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะปล่อยให้คู่แข่งอย่างอาร์เอส ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งผู้นำธุรกิจบันเทิงไปแล้วนั่นเอง
          ฉะนั้นผลการดำเนินงานประจำปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งทำกำไรสุทธิได้เป็นจำนวน 208.75 ล้านบาท หรือ 0.43 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 203.51ล้านบาท หรือ 0.42 บาทต่อหุ้น จึงเปรียบเสมือนเป็นสัญญาณอันตรายที่บอกว่า หากในปี 2550 ผู้บริหารระดับสูงยังยึดติดกับธุรกิจรูปแบบเดิมๆ ตัวบริษัทอาจมีปัญหาเรื่องรายได้และผลกำไรลดลงเป็นจำนวนมากอีกครั้ง
          ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ราคาหุ้นในกระดานไม่สามารถผงกหัวขึ้นได้ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า GRAMMY จะกลับมาทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ รวมทั้งธุรกิจในเครือหลายอย่างก็ยังไม่รู้ว่า รุ่งหรือร่วง
          เหล่านี้ถือเป็นปัญหาที่ผู้บริหารระดับสูงยังไม่เจอทางแก้ไข และเป็นเรื่องที่ผู้คนในวงการกำลังขบคิดว่า GRAMMY กำลังเข้าสู่ยุคถดถอยเต็มตัวแล้วหรือเปล่า เพราะรูปแบบการนำเสนอยังเป็นแบบเดิมๆ นั่นเอง
          โชคดีที่ตัวบริษัทยังสามารถทำกำไรได้เรื่อยๆ ก็เลยทำให้ปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงมรสุมที่ถาโถมใส่แค่ชั่วคราว และรอวันฟื้นตัวกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ส่วนจะใช้เวลาในการพลิกฟื้นนานเท่าใด คงขึ้นอยู่กับฝ่ายมันสมองของบริษัทแห่งนี้ล้วนๆ
          เนื่องจากองค์ประกอบทางด้านเงินทุน และสภาพคล่องที่มีอย่างเหลือเฟื่อ น่าช่วยให้การปรับโครงสร้างธุรกิจต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย เพราะหนี้สินหมุนเวียนที่แบกรับถึง 2,413.88 ล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิดจากการค้าส่วนใหญ่ และเมื่อนำมาเทียบกับสินทรัพย์หมุนเวียน 3,643.93 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO ที่ระดับ 1.51 เท่า คือตัวชี้วัดที่บอกว่า ตัวบริษัทไม่มีปัญหาทางด้านการเงิน
          ส่วนค่า D/E ที่ระดับ 0.88 เท่า คือข้อมูลที่บอกว่า บริษัทนี้ไม่นิยมกู้ยืมเงินมาขยายกิจการเหมือนเช่นบางบริษัท เพราะฐานเงินทุนที่มีอยู่สามารถรองรับการขยายงานในอนาคตได้สบายๆ
          สรุปก็คือ การที่ GRAMMY มีสายป่านเงินทุนค่อนข้างยาว ทำให้ตัวผู้บริหารไม่รู้สึกวิตกกังวลเท่ากับผู้ถือหุ้นรายย่อย เพราะรู้ว่าไม่ช้าหรือเร็วตัวบริษัทจะกลับสู่หนทางทำกำไรที่แท้จริงอีกครั้ง
          เพียงแต่นักลงทุนรายย่อยคงไม่นั่งรอวันดังกล่าวเหมือนกับผู้บริหารหรอกครับ

ข่าวหุ้น
/
เข้าชม: 1,258

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com