April 28, 2024   5:45:48 AM ICT
การลงทุนทางเลือก
หลายท่านอาจจะได้ยินคำว่า “การลงทุนทางเลือก” และอาจจะสงสัยว่าคืออะไร  ในวันนี้ดิฉันจึงขอเขียนถึง การลงทุนทางเลือก เพื่อให้ท่านได้รู้จักมากขึ้น

การลงทุนทางเลือก หรือ Alternative Investment เป็นกลุ่มการลงทุนที่ไม่ใช่การลงทุนแบบดั้งเดิม หรือแบบประเพณีนิยม (Traditional Investment) ซึ่งทำให้การลงทุนทางเลือกครอบคลุมถึงการลงทุนในหลายรูปแบบมาก เรียกว่าอะไรที่ไม่ใช่แบบเดิม ก็มักจะเรียกว่าการลงทุนทางเลือกทั้งสิ้น  เพราะฉะนั้นหากแยกการจัดการลงทุนแบบดั้งเดิมออกมาก่อน อาจจะทำให้ท่านเข้าใจ การลงทุนทางเลือกได้ง่ายกว่า

การลงทุนแบบดั้งเดิมจะประกอบด้วยการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารที่มีมาช้านาน เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง  หุ้นกู้ หุ้นทุนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  และสำหรับในสหรัฐอเมริกาถือว่าการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนแบบดั้งเดิม เพราะมีมาแล้วถึง 47 ปี  แต่สำหรับในประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นการลงทุนทางเลือกค่ะ

เมื่อเป็นเช่นนี้ การลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่นนอกเหนือจาก พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หุ้นกู้ หุ้นทุน และตราสารอนุพันธ์ของหลักทรัพย์เหล่านี้ ก็จะถือว่าเป็นการลงทุนทางเลือกหมด ซึ่งหมายรวมถึง กองทุนบริหารความเสี่ยง (Hedge Fund) การลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity) ซึ่งดิฉันเคยเขียนถึงไปแล้ว โดยมี กองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) เป็นส่วนหนึ่งของไพรเวทอิควิตี้  การลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เช่น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  และการลงทุนอื่นๆ เป็นต้น

การลงทุนทางเลือกถือเป็นวิวัฒนาการที่วาณิชธนากร พยายามคิดค้น และสรรหามาให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุน เนื่องจากต้องการดึงเงินลงทุนก้อนใหม่ๆ จากผู้ลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่จะพัฒนาขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่สองและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการลงทุนแบบดั้งเดิมในประเทศพัฒนาแล้ว เริ่มให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ ไม่จูงใจ และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ (ทั้งเงินกู้และเงินฝาก) การลงทุนบางประเภท ของไพรเวทอิควิตี้ เช่น การกู้มาซื้อกิจการและนำออกมาจากตลาดหลักทรัพย์ (leverage buyout) จึงทำได้โดยมีต้นทุนที่ต่ำลงมาก และเมื่อปรับปรุงและนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนใหม่ก็มักจะประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่

ไพรเวท อิควิตี้ มีประวัติความเป็นมายาวนานถึงกว่า 30 ปีแล้ว โดยกลุ่มผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยนั้นคือ KKR ตั้งโดย Jerome Kohlberg, Henry Kravis และ George Roberts เริ่มต้นจากการกู้มาซื้อกิจการค่ะ หลังจากนั้นก็มีบริษัทอื่นๆ เข้ามาบริหารการลงทุนในลักษณะนี้มากขึ้น

ปัจจุบันผู้ลงทุนสถาบันรวมถึงกองทุนบำนาญต่างๆ ในโลก มีสัดส่วนการลงทุนทางเลือกสูงขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว โดยในปัจจุบันผู้ลงทุนสถาบันในสหรัฐอเมริกามีการแบ่งสัดส่วนการลงทุนในการลงทุนทางเลือก 7% ในยุโรปมีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนจาก 4% เป็น 6% และในญี่ปุ่นเพิ่มจาก 2% เป็น 4% ในปีที่แล้ว

ท่านคงอยากทราบว่า เมื่อได้รับความนิยมแล้ว มีเงินมาลงทุนมากเพียงใด  ดิฉันพยายามหาขนาดโดยรวมของไพรเวทอิควิตี้ในโลกนี้ แต่หาได้เฉพาะเงินที่ระดมได้ในแต่ละปี  เข้าใจว่าไม่มีใครเก็บสถิติไว้ว่าเงินที่ลงทุนไปแล้วถูกจ่ายคืนให้กับผู้ลงทุนไปแล้วหรือนำกลับมาลงทุนใหม่อีกเท่าใดในแต่ละปี จึงมีแต่สถิติว่า ในปี 2006 ไพรเวทอิควิตี้ระดมทุนได้ประมาณ 215,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.7 ล้านล้านบาท โตจากปี 2005 ถึงประมาณ 30% นี่เป็นเงินใหม่ที่ระดมได้ใน 1 ปี นะคะ หากคำนวณสะสมแล้วน่าจะมากมายมหาศาล

กองทุนบริหารความเสี่ยง หรือ เฮดจ์ฟันด์ นั้น  แม้ว่าความนิยมจะเริ่มลดลงไป เพราะได้ผลตอบแทนไม่น่าพอใจ แต่ ณ ธันวาคม 2006 ก็มีขนาดถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 50 ล้านล้านบาท เลยทีเดียว ถ้าเทียบกับขนาด 900,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนกันยายน 2547 ในช่วงที่กองทุนประเภทนี้กำลังร้อนแรง ซึ่งดิฉันเคยเขียนถึงไปแล้วเช่นกัน

กองทุนอสังหาริมทรัพย์ นั้น  ดิฉันมีสถิติเฉพาะของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เฉพาะที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกา ซึ่ง ณ ปลายปี 2006 มีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) เท่ากับ 438,071 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15.7 ล้านล้านบาท  ถือว่าโตขึ้นมามากถึงเกือบ 4 เท่าตัว ในเวลา 10 ปี เมื่อเทียบกับปี 1996 ที่มีขนาดเพียง 88,776 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท

 ในขณะที่การลงทุนแบบดั้งเดิมในสหรัฐมีขนาด ณ สิ้นปี 2006 เท่ากับ 10.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 374 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น  16.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2005 ซึ่งมีขนาดเท่ากับ 8.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 320 ล้านล้านบาท 

 ดิฉันไม่มีสถิติขนาดของกองทุนทั่วโลกที่ลงทุนแบบดั้งเดิมค่ะ  แต่จากอัตราการเติบโตที่แตกต่างกันก็พอจะเห็นได้ว่า การลงทุนทางเลือกได้มีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน แม้ว่าผู้ลงทุนไทยจะยังไม่สามารถลงทุนในการลงทุนบางประเภทได้  แต่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เปิดโอกาสให้มีการลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินที่หลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ 

bangkokbiznews

เข้าชม: 1,636

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com