ยอดขายของ fiber cement ยังคงแข็งแกร่งจากการที่กำลังการผลิตของตลาดลดลง: ความต้องการการใช้กระเบื้องมุงหลังคาใยหิน (fiber cement - FC) นั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3% ต่อปีในขณะที่ SCC ซึ่งเป็นผู้นำตลาด ได้เลิกทำการผลิตกระเบื้องมุงหลังแบบมีใยหินทั้งหมดเมื่อ 1 ม.ค. 2550 ที่ผ่านมา
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ซึ่งส่งบวกต่อผู้ผลิตที่เหลือรวมทั้ง DRT ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของ DRT เพิ่มขึ้นจาก 14% เป็น 19% โดยจากความต้องการที่มากนั้น ทำให้คาดการณ์ยอดขายของ FC และไม้ฝาน่าจะยังคงขยายตัวในระดับตัวเลข 2 หลักในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ทั้งนี้ DRT มีอัตราการหมุนของสินค้าคงเหลือเพียงประมาณ 20 วัน
ในปี 2549 นั้นกำลังการผลิตกระเบื้องมุงหลังคาแบบมีใยหินของ SCC อยู่ที่ 70 ล้าน ตร.ม.(คิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิต FC รวม) และดังกล่าวมาแล้ว SCC ได้ตัดสินใจที่จะเลิกทำการผลิตกระเบื้องมุงหลังคาแบบมีใยหินทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม SCC มีการขยายกำลังการผลิตของกระเบื้องมุงหลังคาแบบไม่มีใยหินขึ้นมาทดแทน โดยกำลังการผลิตใหม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้าน ตร.ม. ในปี 2550 และอีก 50 ล้าน ตร.ม.จะแล้วเสร็จในปี 2551
ช่วงว่างของเวลาให้โอกาสกับผู้เล่นที่มีอยู่เดิม: ระยะเวลาในการสับเปลี่ยนกลยุทธ์ของ SCC ได้เริ่มตั้งแต่ปีที่ผ่านมา (เมื่อ SCC เริ่มลดการผลิตกระเบื้องมุงหลังคาแบบมีใยหิน) และจะต่อเนื่องไปประมาณ 12-18 เดือน (ก่อนที่กำลังการผลิตที่ขยายของกระเบื้องมุงหลังคาแบบไม่มีใยหินเพื่อมาทดแทนกำลังการผลิตที่เลิกไป จะเสร็จสมบูรณ์) ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ผลิตที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งช่วงเวลาในการเปลี่ยนอาจจะยาวนานขึ้นไปอีกถ้า SCC ไม่สามารถสร้างความนิยมให้ผู้บริโภคในกระเบื้องมุงหลังคาแบบไม่มีใยหินได้ ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายหลักของกระเบื้องมุงหลังคาแบบ FC นั้นเป็นกลุ่มลุกค้าระดับล่าง ซึ่ง 1) ไม่ได้มีความไวต่อประเด็นด้านสุขภาพมากนัก 2) มีความเชื่อว่ากระเบื้องมุงหลังคาแบบไม่มีใยหินไม่คงทนแข็งแรงเท่ากับกระเบื้องมุงหลังคาแบบมีใยหิน
ที่มา : บล.บัวหลวง |