May 12, 2024   5:12:13 PM ICT
SALEE จิ่วแต่แจ๋ว

ผู้ถือหุ้นใหญ่1.บริษัท วี ไอ วี อินเตอร์เคม จำกัด 36,609,850 หุ้น 25.25%2.นายเศวต นราธิปกร 12,385,840 หุ้น 8.54%3.นายสาทิส ตัตวธร 10,945,840 หุ้น 7.55%4.นายประกิต อัศวกาญจน์ 6,519,400 หุ้น 4.50 %5.นายเลอพงศ์ วงศ์ทวีพิพัฒน์ 5,472,200 หุ้น 3.77%คณะกรรมการ1.นายสุชาติ จิวะพรทิพย์ ประธานกรรมการ 2.นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ 3.นายเศวต นราธิปกร กรรมการ 4.นายเลอพงศ์ วงศ์ทวีพิพัฒน์ กรรมการ 5.นางพิมพาจิวะพรทิพย์ กรรมการ
          ต้องยอมรับว่า ธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ประเภทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ผลิตสินค้าต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer:OEM) และ Subcontractors ของผู้ผลิตสินค้าต้นแบบ OEM ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยและต่างประเทศ ถือเป็นธุรกิจที่เฟื่อฟูอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
          แม้จะมีผู้ประกอบการที่เข้ามาทำธุรกิจนี้เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีไม่กี่รายที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้ และหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จที่นำพาตนเองเข้ามาระดมทุนในตลาดเอ็มเอไอ เพื่อนำเงินทุนที่ได้ไปใช้ในการขยายกิจการนั้นคือ SALEE หรือ บริษัทสาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
          โดยบริษัทนี้ถือเป็นบริษัทในตลาดใหม่ที่น่าจับตามมองเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลการดำเนินงานตั้งแต่เข้าจดทะเบียนยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผิดกับบางบริษัทที่เข้ามาแค่หวังถอนทุนคืน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ตัวบริษัทแห้งเหี่ยวเฉาตายไปเอง หรืออาจขายกิจการไปให้กับแก๊งพ่อมดการเงิน เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองหลังจากปั่นราคาหุ้นขึ้นไปสูงๆ
          ยิ่งล่าสุด S2Y ซึ่งเป็นหุ้นในตลาดใหม่ถูกแบ็กดอร์จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ 5 รายพร้อมกับเปลี่ยนไปทำธุรกิจอสังหาฯ ยิ่งทำให้มีคำถามตามมาว่า SALEE เดินตามรอยหุ้นดังกล่าวอีกหรือไม่ เพราะที่กลุ่มที่ปรึกษาทางการเงินออกจะเป็นสีเทาๆ
          หากบริษัทนี้ไม่เป็นอย่างที่มีการร่ำลือ นั่นแสดงให้เห็นว่า ในตลาด MAI ยังมีหุ้นดีๆที่น่าลงทุนอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานประจำปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมทำกำไรได้เป็นจำนวน 36.93 ล้านบาท หรือ 0.23 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.12 ล้านบาท หรือ 0.211 บาทต่อหุ้น


          ผลกำไรที่เติบโตขึ้นเกือบ 27% หากมองแบบไม่ใช่อคติว่าเป็นการตกแต่งหรือเปล่าต้องยอมว่าบริษัทนี้มีดีพอตัวไม่ใช่น้อย เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 2549 ไม่ได้ส่งผลกระทบกระเทือนต่อการดำเนินงานแต่อย่างใดนั้นเอง
          นี่ถึงเป็นหุ้นที่เหมาะแก่การซื้อลงทุน หากราคาหุ้นอ่อนตัวลงแรงเกินเหตุ เพราะมูลค่าทางบัญชีที่ระดับ 1.75 บาท เทียบกับราคาหุ้นในกระดานแถวระดับ 3.30 บาท ยังไม่สูงเกินไปสำหรับหุ้นที่สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และหากราคาหุ้นยังอ่อนตัวลงมาเรื่อยๆเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ซื้อของดีราคาถูกโดยไม่ต้องเปลื้องแรงอีกด้วย
          น่าเสียดายตรงที่บริษัทแห่งนี้แบกรับภาระหนี้สินสูงถึง 649 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมีอยู่เพียง 354.32 ล้านบาท เมื่อคำนวณหาค่า D/E ได้ที่ระดับ 1.83 เท่า ถือว่ามากเกินไปสำหรับขนาดกลางที่มีการขยายกำลังการผลิตเป็นระยะ และทำให้งบการเงินดูไม่สวยงามนัก
          เนื่องจากภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอาจก่อให้เกิดภาระผูกผันตามมาทีหลัง ซึ่งไม่รู้ว่าบริษัทจะแก้ปัญหาเหล่านั้นสำเร็จลุล่วงหรือไม่ เพราะสายป่านของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กมักสั้นกว่าบริษัทใหญ่ๆ นั้นเอง
          โดยจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ SALEE เป็นหุ้นที่น่าสนใจในสายตานักลงทุนทั่วไปน่าจะอยู่ที่การไม่ไปพัวพันกับที่ปรึกษาสีเทา และเดินรอยตามแบบอย่างหุ้นที่ไม่ดี รวมทั้งการแสดงผลกำไรที่แข็งแกร่งเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
          หากทำได้เหมือนที่ได้กล่าวไว้ทั้งหมด การบอกว่า SALEE เป็นหุ้น จิ๋วแต่แจ๋ว คงไม่เกินเลยจากความเป็นจริงสักเท่าไหร่

ข่าวหุ้น
/
เข้าชม: 1,378

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com