May 12, 2024   5:10:43 AM ICT
SC ยังไม่เป๋ (ง่าย ๆ )

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 92,990,854 หุ้น 28.97%2. น.ส.พินทองทา ชินวัตร 92,990,854 หุ้น 28.97%3. OVERSEAS GROWTH FUND INC. 31,780,000 หุ้น 9.90%4. OFFSHORE DYNAMIC FUND INC. 29,385,144 หุ้น 9.15%5. คุณหญิงพจมาน ชินวัตร 9,253,127 หุ้น 2.88%คณะกรรมการ1. นายรัฐ กิตติเวชโอสถ ประธานกรรมการ 2. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร 3. นางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ กรรมการ 4. นายณัฎฐ์พัฒน์ เอื้อใจ กรรมการ5. นายคุโณดม ธรรมาภรณ์พิลาศ กรรมการอิสระ
          หากพูดถึงธุรกิจ "กลุ่มชินวัตร" คงไม่ใครไม่รู้จักความอื้อฉาวของธุรกิจกลุ่มนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจกลุ่มนี้ขึ้นชื่อว่าอาศัยอำนาจทางการเมืองมาตลอด รวมถึง บริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มชินวัตร ซึ่งเป็นที่มาของกระแสวิพากวิจารณ์กันมาตลอดถึงความมั่งคั่งที่ได้จากเส้นสายทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงของอดีตนายกทักษิณกำลังเฟื่องฟู
          น่าเสียดายที่ความราบรื่นของบริษัทแห่งนี้ต้องมาสะดุดล้ม พร้อมกับบริษัทในกลุ่มชินวัตรอีกหลายแห่ง หลังจากรัฐบาลประกาศยึดอำนาจคืนจากอดีตนายกทักษิณ ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้ส่อไปในภาพลบ อีกทั้งผลการดำเนินงานก็ทรุดลงอย่างน่าใจหาย
          ทว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวกลับไม่ได้ทำให้บริษัทแห่งนี้ซวนเซแต่อย่างใด เนื่องจากความมั่งคั่งที่สะสมมา สามารถผลักดันให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้อีกยาวนานจนยากที่จะเป๋ได้ง่ายๆ แม้ว่ากลุ่มทุนดังกล่าวจะหมดอำนาจทางการเมืองแล้วก็ตาม
          เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินปี 2549 จะพบว่า มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก เพราะมีส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 4,653 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวมมีเพียง 3,655 ล้านบาท ได้ค่าความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ หรือ D/E Ratio เท่ากับ 0.79 เท่า ซึ่งถือว่าบริษัทมีความเสี่ยงต่ำในการบริหารกิจการ


          อีกทั้งสภาพคล่องของบริษัทก็มีความคล่องตัวดี ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง จากที่พบว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 3,943 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียน 1,780 ล้านบาท ได้ค่าCurrent Ratio เท่ากับ 2.22 เท่า แสดงว่าสภาพคล่องตัวที่มีอยู่เพียงพอต่อการชำระหนี้สินได้อย่างสะดวกสบาย
          แม้ผลกำไรสุทธิจะลดลง 22% มาอยู่ที่ระดับ 333 ล้านบาท หรือ 1.04 บาทต่อหุ้นจากปี 2548 อยู่ที่ 432 ล้านบาท หรือ 1.35 บาทต่อหุ้น ซึ่งตัวเลขกำไรสุทธิที่ลดลงนั้น ไม่ถือว่าเป็นปัญหาที่สร้างความลำบากใจให้กับบริษัทที่มีเงินทุนหนาแน่นและแบล์คกราวที่แข็งแกร่งอย่างบริษัทแห่งนี้ได้
          ส่วนกำไรสุทธิที่ไม่สามารถเติบโตเป็นผลมาจากบริษัทไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนเท่าที่ควร ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 37% มาอยู่ที่ระดับ 1,509ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 1,099 ล้านบาท
          ด้านรายได้รวมแม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% จากปีทีแล้ว 1,635 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,986 ล้านบาท โดยเฉพาะเป็นรายได้ที่มาจากการเพิ่มขึ้นของการขายจำนวน 1,175 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 53% จากปีที่แล้อยู่ที่ 769 ล้านบาท แต่นั่นก็ไม่สามารถผลักดันให้กำไรเติบโตขึ้นได้ เพียงเพราะถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นนั่นเอง
          ตรงจุดนี้บ่งชี้ชัดเจนว่า SC เป็นบริษัทที่ไม่มีความโดดเด่นด้านการบริหารเลยแม้แต่น้อย เพราะผลประกอบการที่ทำได้ในแต่ละงวดล้วนมาจากแรงหนุนทางการเมืองมิใช่มาจากฝีมือการบริหารเหมือนเช่นบริษัทอื่นทำกัน ขณะเดียวกันก็อาศัยแรงผลักดันที่แข็งแกร่งจากเงินทุนหนาแน่นอุ้มบริษัทจนยืนอยู่เคียงข้างคู่แข่งรายอื่นได้
          น่าเสียดายที่หุ้นตัวนี้ไม่น่าเล่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะภาพลักษ์ของหุ้นตัวนี้กลายเป็นหุ้นการเมืองอย่างที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันก็สะท้อนพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัทไปแล้ว

ข่าวหุ้น
/
เข้าชม: 1,031

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com