|
คุณอรุณ จากบางเขน กรุงเทพฯ ถามว่า การขายหุ้นเพิ่มทุนให้ TPG Newbridgeจะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้นตามที่ผู้บริหารระดับสูงพูดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 ปี เคยผ่านการเพิ่มทุนมาแล้ว แต่พอผ่านมาสักระยะฐานะทางการเงินกลับมาย่ำแย่เรื่อยๆ ถึงอยากทราบว่า ในอนาคตหุ้นตัวนี้จะดีขึ้นจริงไหม
หากคุณได้ติดตามอ่านคอลัมล์ของ คุณวิษณุ โชลิตกุล วันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมาจะรู้ว่าสถานการณ์ของแบงก์ในยุคทุนนิยมเสรีไม่ได้เป็นธุรกิจเสือนอนกินเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เนื่องจากรูปแบบการดำเนินงานถูกกำหนดให้อยู่ในกฎระเบียบที่เปลี่ยนไปอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันตัวบริษัทต้องเร่งเสริมสร้างบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครบถ้วน
ฉะนั้นธนาคารที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันที่รุนแรงได้ ต้องมีสายป่านที่ยาวมากๆ ถึงจะปรับเปลี่ยนระบบการให้บริการได้อย่างครบถ้วน และสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อวิเคราะห์สถานภาพของ BT อย่างละเอียดทุกด้าน ต้องยอมรับว่าเป็นธนาคารที่มีปัญหาเรื่องฐานะการเงินมาแต่ไหนแต่ไร อีกทั้งยังเสียเปรียบธนาคารใหญ่ๆ ทุกด้านเท่ากับปิดโอกาสเติบโตอย่างแน่นอนแล้ว
ที่สำคัญการได้พันธมิตรใหม่อย่าง TPG Newbridge ใช่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นภายในพริบตา เพราะโครงสร้างตัวธนาคารในปัจจุบันไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อก่อน และไม่มีจุดไหนที่บอกว่าจะทำกำไรได้อย่างยั่งยืน
เหมือนกับที่คุณวิษณุ เขียนว่า กลางเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ซิตี้คอร์ป กลุ่มธูรกิจการเงินระดับหัวแถวของโลก ที่มีซิตี้แบงก์เป็นแกนกลาง จะประกาศเป็นทางการปลดพนักงานทั่วโลก 1. 5 หมื่นคน หรือ 5% ของพนักงานที่มีอยู่ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายประจำลง
เหตุผลหลักก็คือ กำไรของกลุ่มบริษัทนี้กำลังลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มมากกว่ารายรับที่เติบโตในอัตราถดถอยลง
ทางเลือกง่ายสุดของบริษัททั่วไป ไม่เว้นกระทั่งธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันในการลดค่าใช้จ่าย ก็คือ ลดจำนวนพนักงาน เนื่องจากเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุด
บทความดังกล่าวเป็นการตอกย้ำว่า บุคคลากรไม่ใช่คีย์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจแบงก์อีกต่อไป เพราะโครงสร้างการดำเนินธุรกิจมุ่งประเด็นไปที่การใช้ outsourcingมากกว่าลงมือทำด้วยตนเอง
ไม่น่าแปลกใจที่การได้พันธมิตรใหม่เข้ามาไม่ได้ช่วยเสริมให้ฐานะทางการเงินของธนาคารแห่งนี้ดีขึ้นนัก เพราะการปรับตัวของธนาคารแห่งนี้ค่อนข้างเชื่องช้าเป็นอย่างมากนั่นเองครับ
|
