April 28, 2024   11:31:57 AM ICT
จัดพอร์ตลงทุนให้พนักงานบริษัท
ผมหายไปหลายสัปดาห์ ต้องขออภัยมา ณ นี้ เนื่องจากช่วงนี้รับภารกิจใหม่ ที่ต้องเดินสายไปต่างจังหวัด เพื่อนำแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2550 ตลอดจนแนวโน้มของการลงทุนไปเผยแพร่ครับ หลายๆ จังหวัด

            ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ก็ทยอยเริ่มลดลงแล้ว (แหมเพิ่งได้ดีใจอัตราดอกเบี้ยเพิ่งปรับขึ้นในปี 2549 ที่ผ่านมานะครับ) เห็นได้ชัดเจนแล้ว และธนาคารพาณิชย์ก็จะทยอยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกันอีกแล้ว (สำหรับเงินกู้ก็ต้องรอกันไปก่อน) ท่านที่มีเงินฝากไว้ที่ธนาคารก็จะต้องหนาวๆ อีกแล้ว เชื่อผมเถอะครับว่า วันนี้ ท่านต้องมองทางเลือกการออมเงินกันเพิ่มขึ้นแล้วนะครับ

            วันนี้มีคำถามมาจาก คุณลัดดาวรรณ สาววัย 26 ปี ทำงานประจำของบริษัทเอกชน มีเงินเก็บประมาณ 4 แสนบาท ปัจจุบันได้แบ่งเงินฝากประจำไว้หนึ่งแสนบาท ส่วนสามแสนบาทที่เหลือฝากไว้ที่เงินฝากออมทรัพย์ เพราะมีเงินเข้าออกประจำ (ก็สงสัยนะครับ ว่าทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัทเอกชนอะไร ถึงมีเงินเข้าออกเดือนละสองสามแสนบาท สงสัยว่าเป็นเจ้าของกิจการเองแน่ๆ ไม่ว่ากันหรอกครับ)

            ท่านถามมาว่า "จะลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เสนอขายดีไหม" อันนี้ตอบได้เลยว่า คุณลัดดาวรรณอายุยังน้อย ซึ่งอายุน้อยๆ อย่างนี้สามารถลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงได้มากกว่าการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เสียอีก ผมล่ะยุให้ลงทุนในหุ้นไปเลย 

            เอ...ชอบความเสี่ยงหรือเปล่า ถ้าให้แนะนำต่อไปอีกนิด ก็ควรจะลงทุนใน "กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ" จะได้ประโยชน์ เพราะนอกจากได้ใช้ประโยชน์จากการประหยัดภาษีแล้ว ยังอาจได้ลงทุนในหุ้นด้วย และเป็นการเตรียมเกษียณอายุด้วย

            โอ้โฮ...เพิ่งเริ่มทำงาน พูดถึงเกษียณซะแล้ว อ้าว ถ้าไม่พูดวันนี้จะให้พูดเมื่อไร เพราะเรายิ่งพูดเร็วเท่าไร ก็จะเป็นผลดีมากๆ

            สำหรับการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุนะครับ ท่านเคยอ่านหนังสือ "ออมก่อนรวยกว่า" กันไหม ของท่านอาจารย์นพพร ซึ่งท่านจะย้ำว่า "ท่านออมเงินยิ่งเร็ว ก็จะเป็นผลดี เพราะเวลาการลงทุนที่ยาวนาน จะทำให้ท่านได้ดอกผลของการลงทุนเพิ่มขึ้นมากๆ จากการทบต้นทบดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ" และยิ่งอายุน้อยก็ลงทุนในหุ้นได้ดีด้วย เพราะการลงทุนในหุ้นที่ใช้ระยะเวลาการลงทุนประมาณ 20-30 ปีนี้ จะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สูงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในทุกประเภทตราสารเลยทีเดียวครับ

            สำหรับคำถามนี้ ผมแนะนำให้ลงทุนใน "กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ" นโยบายลงทุนใน "หุ้น" ครับ ได้ประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ทั้งปี และสูงสุดซื้อได้ไม่เกิน 300,000 บาท (เงินเดือน 15,000 บาท ปีละ 12 เดือน รายได้ทั้งปีก็คือ 180,000 บาท) เพราะฉะนั้น คุณลัดดาวรรณซื้อได้ 15% ของเงิน 180,000 บาท คือ 27,000 บาท

            "ที่สำคัญ ท่านไม่ควรซื้อเกิน 27,000 บาท โดยเด็ดขาด หากท่านซื้อเกินจากที่กฎหมายกำหนดแล้วจะยุ่ง ยุ่งมากๆ ซะด้วย หากมีพนักงานขายคนไหนเชียร์ท่านซื้อเยอะมาก บอกผม ผมจะฟ้องสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ครับ"

            ส่วนประเด็นต่อไปถามว่า "ควรทำประกันดีไหม" บอกกันตามตรงว่า การลงทุนผ่านการทำประกันชีวิตนั้น มีข้อดีคือการที่เราจะมี "สวัสดิการเพิ่มเติม" ถ้าบริษัทท่านไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลก็ยิ่งน่าทำประกันชีวิตด้วยหรือถ้ามีสวัสดิการแต่บริษัทให้น้อยเหลือเกินก็ควรทำประกันเพิ่มได้ อันนี้เป็นประโยชน์ เพราะชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน อาจเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงขึ้นได้

            ดังนั้น ลงทุนซื้อประกันชีวิตนี้จะดีมีประโยชน์ (เพราะส่วนหนึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงของสุขภาพของเราเอง) แต่ไม่ควรจะซื้อมากๆ เพราะ "ผลตอบแทนจริงๆ ของการทำประกันชีวิตนั้นจะไม่ค่อยสูงมากนัก" แต่ที่เชียร์ให้ซื้อประกันชีวิต ก็เพื่อเพิ่มความคุ้มครองสุขภาพของเราเอง และที่สำคัญ ก็ยังได้ประโยชน์ทางภาษีเงินได้อีกเช่นกัน ปีหนึ่งใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ตามที่จ่ายค่าเบี้ยประกันตามจริงสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาทครับ

            ประเด็นสุดท้ายถามว่า "ควรนำเงินไปฝากที่ธนาคาร ธ.ก.ส. ดีไหม" ผมว่าสงสัยคุณลัดดาวรรณจะไปฝากเงินประเภทที่มีโอกาสลุ้นรับรางวัลใช่หรือเปล่า ที่มีการออกรางวัลทุกเดือน ผมว่ารายการนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่อย่าซื้อเยอะมากๆ เพราะคำนวณผลตอบแทนก็ไม่มากมายเท่าไรนัก

            แต่ข้อดีคือ มีโอกาสลุ้นรางวัลที่หนึ่งจะได้รวยเร็ว (ก็หวังกันไปอย่างนี้แหละครับ แล้วแต่โชควาสนา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะถูกรางวัลก็มีมากกว่าซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลก็แล้วนะ) ผมว่าบางคนซื้อไม่กี่บาทก็ถูกรางวัลใหญ่ได้ ถ้าโชคดีเข้าข้างหรือคนจะรวยช่วยไม่ได้ ดังนั้น สำหรับส่วนนี้ผมว่า "แล้วแต่อัธยาศัยเถอะครับ เพราะถ้าจะถูกรางวัลขึ้นมารวยแล้วอย่าลืมกันก็แล้วนะครับ"

            ส่วนที่เหลือหาก คุณลัดดาวรรณ ไม่ได้ใช้นานๆ ช่วงนี้ผมแนะนำให้ลงทุนใน "กองทุนรวมที่มีชื่อประเภทที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล" ที่มีอายุโครงการสักหนึ่งถึงสองปี น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี และล็อกอัตราดอกเบี้ยที่สูงๆ ไว้เลย ผมว่าช่วงนี้ยังพอจะได้อัตราผลตอบแทนประมาณ 3.9-4.25% ต่อปี ก็ลองสอบถามพนักงานของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งดูนะครับ ลองเลือกเปรียบเทียบหลายๆ ที่หน่อย จะได้ผลตอบแทนที่สูงได้

            แต่ต้องรีบหน่อยนะครับ มีนักวิเคราะห์หลายๆ ท่านบอกว่า อัตราดอกเบี้ยปรับลงแน่นอน ซื้อกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในพันธบัตรนี่ก็จะดี เพราะความเสี่ยงจะค่อนข้างต่ำ และได้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีเงินฝากนะครับ

            สุดท้ายผมก็ขอย้ำว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงของการลงทุนสามารถบริหารและจัดการได้" ขอให้คุณลัดดาวรรณโชคดีครับ  


Bangkokbiznews
เข้าชม: 1,674

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com