April 28, 2024   10:43:14 AM ICT
กระจายพอร์ตให้คนชอบความเสี่ยงต่ำ
วันนี้ได้รับคำถามจากคุณปนัดดา อายุ 43 ปี หญิงที่โชคดีที่สุด คือ ไม่มีหนี้ ไม่มีงาน แต่ก็ยังมีหน้าที่ดูแลลูก 2 คน และคุณพ่อคุณแม่ มีเงินเก็บประมาณ 9 ล้านบาท โดยมีการแบ่งการลงทุนในกองทุนรวม 2 บลจ. และซื้อทองคำไว้ 20 บาท  ที่เหลือฝากประจำ 6 เดือน ต้องการลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ และลงทุนในระยะยาว 

            ขึ้นต้นมาดีมากๆ ที่มีการจัดแบ่งเงินลงทุนที่มีอยู่ แต่ลืมบอกว่าลงทุนในกองทุนรวมนโยบายอย่างไร แต่ไม่เป็นไร ผมจะจัดสรรอย่างนี้ดีกว่าครับ เนื่องจากคุณปนัดดาต้องการลงทุนระยะยาวและความเสี่ยงต่ำ แน่นอนว่าช่วงนี้ “อัตราดอกเบี้ยก็ทยอยปรับเตี้ยลง” ดังนั้น ควรที่จะลงทุนหรือฝากเงินในระยะเวลาที่ยาวขึ้น เช่น 1- 2 ปี ไม่สมควรฝากระยะเวลา 6 เดือนแล้วเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบต่อการฝากเงินในรอบต่อไป

            อันที่จริงการลงทุนในกองทุนรวม ท่านก็ต้องพิจารณาด้วยว่า กองทุนรวมที่ลงทุนนั้นเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายอย่างไร หากเป็นกองทุนตราสารหนี้ ท่านต้องสอบถามคนขายว่ากองทุนที่ท่านลงทุนนั้น ได้ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุโดยเฉลี่ยประมาณเท่าใด

            ถ้าอายุเฉลี่ยของตราสารที่กองทุนรวมลงทุนอยู่มีอายุเฉลี่ยไม่ยาวนัก เช่น 3 เดือน 6 เดือน ซึ่งกองทุนประเภทนี้จะเรียกว่า "กองทุนรวมตลาดเงิน" กองทุนรวมตลาดเงินจะให้ผลตอบแทนที่ดี แต่จะมีเป็นลักษณะของผลตอบแทนดังนี้  "ผลตอบแทนของกองทุนจะคล้ายๆ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวจะทยอยลอยตัวลดลงตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ทยอยปรับลดลง"  และโดยส่วนใหญ่กองทุนตลาดเงินนี้จะมี "ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์" และที่สำคัญคือกองทุนรวมประเภทตลาดเงินจะสามารถไถ่ถอนได้ทุกวัน ค่อนข้างสะดวกสบายสำหรับผู้ลงทุน  

            สำหรับคุณปนัดดา ที่ต้องการลงทุนระยะยาวก็ไม่ควรนำเงินลงทุนระยะยาวทั้งหมดลงทุนไว้ในกองทุนรวมประเภทตลาดเงิน เพราะไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการลงทุน  ควรลงทุนในกองทุนรวมที่มีอายุ 1 - 2 ปี จะดีกว่า ซึ่งผมมั่นใจว่าอีกสักพักบรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. จะทยอยออกกองทุนรวมประเภทนี้ออกมาเสนอขายต่อประชาชนมากขึ้น คุณปนัดดา น่าจะลงทุนได้สัก 7-8 ล้านบาทในกองทุนประเภทนี้ แต่ท่านต้องจัดสรรให้ดี เพราะระหว่างทางไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้นะครับ เกิดเหตุฉุกเฉินก็จะลำบากได้

            อย่าลืม "กฎที่สำคัญคือต้องมีเงินที่อยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกองทุนรวมตลาดเงินที่ซื้อขายได้ทุกวัน" โดยกันเงินไว้ประมาณ 6-8 เท่าของรายจ่ายแต่ละเดือน แต่สำหรับคุณปนัดดาต้องมากหน่อย เพราะดูแลทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดังนั้นต้องเผื่อให้มากกว่าคนอื่นสักหน่อย เช่น กันเงินสดสำรองไว้ประมาณ 8-10 เดือนของรายจ่าย หรือประมาณ 400,000 - 500,000 บาท เพราะบางที ค่าหยูกยา ค่ารักษาพยาบาลของเด็กและผู้ใหญ่อาจจะเกิดขึ้นได้ เผื่อไว้ดีกว่า

            ส่วนทองคำ 20 บาทที่มีนั้น ผมว่าคุณปนัดดา ก็น่าจะซื้อเพิ่มเติมได้บ้าง แต่ต้องคอยจังหวะดีๆ หน่อยตอนนี้ราคาทองคำแท่งปรับตัวสูงขึ้น ไว้รอให้ราคาสักบาทละ 10,000-11,000 บาท ก็พอจะหาซื้อเพิ่มได้บ้าง แต่อย่าลืม เรื่องการจัดเก็บรักษาให้ดี เพราะการเก็บทองคำไว้ที่บ้านก็ดูน่ากลัวพอสมควร  ผมประมาณว่าควรจะซื้อเพิ่มได้อีกสัก 20 บาทก็พอแล้วครับ รวมๆ แล้วก็จะมีเงินลงทุนในทองคำประมาณ 400,000 - 500,000 บาท

            ส่วนสุดท้ายประมาณ 300,000-500,000 บาท ผมแนะนำให้ลองพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้าง เพราะเป็นการลงทุนระยะยาวเหมือนกัน ซึ่งกองทุนรวมประเภทนี้น่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 7-10 เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งนี้ ท่านต้องเลือกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ดีหน่อย สงสัยไหมครับว่าจะเลือกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ดีได้อย่างไร ผมให้หลักการเลือกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ง่ายๆ คาถา 2 ข้อ ดังนี้ครับ

          1 กองทุนอสังหาริมทรัพย์จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทใด? ตรงนี้สำคัญมากๆ เพราะอสังหาริมทรัพย์มีหลากหลายมาก เช่น อาคารสำนักงาน สนามบิน ห้างสรรพสินค้า คลังสินค้า มากมายเหลือกำลัง  ต้องเลือก "อสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ" เช่น อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่บนทำเลที่ดี ประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะอสังหาริมทรัพย์นี้จะทำรายได้ให้กับผู้ลงทุนตลอดระยะเวลาของการลงทุนซึ่งส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาค่อนข้างนาน เช่น 20 - 30 ปี ดังนั้น ท่านต้องเลือกให้ดี อย่าเชื่อพิจารณาแต่ผลตอบแทนอย่างเดียว

          2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะแต่งตั้งใครผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์นั้น? ก็อย่างว่าแหละครับ กองทุนประเภทนี้มีอายุยาวนาน คนที่จะมาบริหารอสังหาริมทรัพย์นี้ต้องเป็น "มืออาชีพ" เหมือนกัน ไม่ใช่พวกมือสมัครเล่นหรือพวกที่จะขายอสังหาริมทรัพย์แล้วหนีไป หรือพวกที่มีประวัติการบริหารที่ไม่ดีอย่างนี้ถอยออกมาให้ห่างๆ   เพราะว่ารายได้ของกองทุน สำคัญอยู่ที่การบริหารนี้แหละครับ ถ้าบริหารอสังหาริมทรัพย์ดีๆ คนที่เช่าสบายใจอยู่กันนานๆ รายได้ก็จะสม่ำเสมอ ถ้าบริหารไม่ดี รายได้ก็จะไม่ดี คนที่โชคร้ายคือ ผู้ซื้อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นั้นแหละ  ข้อนี้ท่านต้องอาศัยข้อมูลพอสมควร ติดตามข่าวสารหรือขอข้อมูลให้ชัดเจน ชื่อผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์นี้ต้องพูดมาแล้ว “อ้อ” สักหน่อย ไม่ใช่พอบอกชื่อมาแล้ว

ถามว่าเป็นใคร หรือร้องว่า “ยี้” อย่างนี้ท่านก็อย่าไปซื้อครับ  

            ผมให้คาถา 2 ข้อเบื้องต้นก่อน วันหลังจะมาทยอยบอกคาถาอีก แต่สองข้อนี้สำคัญมากๆ สำหรับการเลือกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นะครับ จำไว้เลยนะครับ "อย่ามองแต่ผลตอบแทนที่เขาแจ้งให้เราทราบเท่านั้น" หากคุณปนัดดาไม่แน่ใจ ผมว่าก่อนที่จะเลือกซื้อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ก็สอบถามคนขายหลายๆ เจ้าก่อน ใช้เวลาดูนาน ๆ ค่อยๆ ศึกษาไปก่อน ค่อยๆ ช็อปไปก่อนนะครับ เพราะกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จากนี้ไปจะมี บลจ. มาเสนอขายมากมายเลย ใจเย็นๆ รออีกสักพักได้ 

            ยังพอมีเงินเหลืออีกสักนิด ผมแนะนำให้คุณปนัดดา ทำประกันสุขภาพให้เด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ เพราะจะเป็น "สวัสดิการส่วนเพิ่มในยามฉุกเฉินได้" ผมแนะนำให้ทำประกันแบบออมทรัพย์ไปด้วยและได้ประกันสุขภาพไปด้วยน่าจะดีมากๆ เป็นการลงทุนระยะยาวด้วยเช่นกัน แต่ซื้อให้เหมาะสมอย่างซื้อมากเกินไป เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในประกันจะไม่ค่อยได้มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น แต่เชื่อผมเถอะ “ต้องทำประกัน” เพราะรายได้หลักของคุณปนัดดามากจากการลงทุนเท่านั้น ดังนั้น การทำประกันนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระได้พอสมควร

 

Bangkokbiznews

เข้าชม: 1,692

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com