นายสุรชัย ศิริวัลลภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ THREระบุว่า ในด้านของการควบคุมต้นทุนทางการเงินนั้น บริษัทฯ ได้จัดทำ และทบทวนระบบการควบคุมทางการเงิน การดำเนินงาน และการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน และการจัดการความเสี่ยง ให้ความสำคัญกับสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าและรายการผิดปกติ
"เรากำหนดอำนาจดำเนินการของผู้บริหารและผู้ปฏิบัติการในระดับต่างๆ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน ควบคุมดูแลการใช้ทรัพย์สินอย่างประหยัด คุ้มค่า และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร"
ทางด้านนโยบายการลงทุนของ THRE มีการระบุว่า จะมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของหลักทรัพย์ที่จะลงทุนเป็นสำคัญและมีสภาพคล่องที่สอดคล้องกับสภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
กลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบันจะเน้นไปยังการลงทุนในตราสารทางการเงิน และตราสารทุนเป็นส่วนใหญ่ และจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะของตลาดและอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไปจะดูจากอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมในระยะยาว มีสภาพคล่องและมีการควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำ
"นโยบายการลงทุน จะยึดหลักความระมัดระวัง คำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นสำคัญ ไม่มุ่งหวังจะให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด แต่ต้องให้ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว มีสภาพคล่องเหมาะสมสอดคล้องกับกระแสเงินสดรับทั้งในปัจจุบันและอนาคต"
โครงสร้างรายได้ของ THRE และบริษัทย่อย ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จากการรับประกันภัย และรายได้จากการลงทุน
สัดส่วนระหว่างกำไรจากการรับประกันภัยสุทธิ และรายได้จากการลงทุนสุทธิในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีได้ผันแปรไปในแต่ละปี แต่รายได้จากการลงทุนจะทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นตามลำดับ ถือว่าเป็นไปตามแนวโน้มของการประกอบธุรกิจประเภทนี้ในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2549 THRE มีเงินลงทุนในหลักทรัพย์จำนวน 3,304.34 ล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในหน่วยลงทุนกว่า 1,134.19 ล้านบาท และลงทุนในตลาดหุ้นจำนวน 1,036.78 ล้านบาท
อนึ่ง THRE และบริษัทประกันวินาศภัยที่เป็นกลุ่มพันธมิตรอีก 3-4 แห่ง ได้จัดตั้งกองทุนรวมแต่ละประเภทขึ้นมา แล้วให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เป็นผู้เข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งขณะนี้มีมูลค่าทุกกองทุนรวมกัน 3-4 พันล้านบาท แต่ไม่ใช่ "ไพรเวท ฟันด์"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า THRE จะเป็นบริษัทประกันวินาศภัยในตลาดหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทน ROE ได้สูงสุด
ทว่าก็มีความเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในวงการประกันวินาศภัย บอกว่า THRE จะไม่มี operation cost ทางการตลาด และอื่นๆ จึงทำให้ตัวเลข ROE อยู่ในระดับสูงฉะนั้น หากเทียบกับบริษัทประกันวินาศภัยที่ต้องมีต้นทุนอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาด้วยนั้น ต้องถือว่า ทิพยฯ(ประกันภัย) ทำได้ดีกว่า
"จริงแล้วตัวเลข ROE ของ THRE ควรจะสูงกว่านี้" เขากล่าว
สำหรับ บมจ.ทิพยประกันภัย หรือ TIP ในปี 2549 มีตัวเลข ROE 15.29% ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา TIP มีนโยบายที่จะทำเรื่องของ Branding มากขึ้น จากการปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ก็วางแผนที่จะรุกไปยังตลาดมอเตอร์(ประกันรถยนต์) หนักขึ้น รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายรองรับกับกลุ่มรายย่อย
บริษัทประกันวินาศภัยที่มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น(ROE)มากสุด ปี 2549บริษัท ROE(%) (ROA%) กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น(บาท)สินทรัพย์ไทยรับประกันภัยต่อ 19.72 13.25 462.28 0.39 4,621.76ทิพยประกันภัย 15.29 7.38 521.47 1.74 9,991.55สามัคคีประกันภัย 14.58 9.94 272.86 3.06 3,609.67ประกันคุ้มภัย 11.17 3.98 169.58 5.1 4,577.07สินมั่นคงประกันภัย 10.64 2.94 119.30 5.97 4,907.93นวกิจประกันภัย 10.34 7.14 184.37 6.37 3,442.17จรัญประกันภัย 8.31 7.81 47.60 7.93 754.06ไทยประกันภัย 6.96 2.97 25.44 1.65 1,216.60ศรีอยุธยาประกันภัย 6.67 6.36 360.48 1.44 6,478.82เทเวศประกันภัย 6.57 3.80 119.88 9.99 3,882.29ภัทรประกันภัย 6.47 6.44 190.18 9.51 3,665.53ประกันภัยไทยวิวัฒน์ 5.80 2.19 37.46 0.25 1,813.80กรุงเทพประกันภัย 4.92 4.52 593.28 11.71 8,193.58ไทยเศรษฐกิจประกันภัย 4.46 2.01 22.17 0.71 1,423.09บางกอกสหประกันภัย 2.96 1.53 16.52 0.93 1,120.67นำสินประกันภัย 1.01 0.35 5.89 0.42 1,653.92อินทรประกันภัย -9.33 -5.67 -24.48 -2.45 471.41ที่มา : www.setsmart.com