ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ 60,404,300 หุ้น 24.16%2. นายทนงชาย ชาติพาณิชย์ 19,599,200 หุ้น 7.84%3. น.ส.กรรณิการ์ พรหมบถ 18,678,000 หุ้น 7.47%4. นายสืบตระกูล บินเทพ 12,608,000 หุ้น 5.04%5. นางสุภัค ภัทรธีรกุล 11,808,000 หุ้น 4.72%คณะกรรมการ1. นายไมตรี ตั้งษณกุล ประธานกรรมการ 2. นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ รองประธานกรรมการ 3. นายชาคริต เมธิกุลชนันทร์ กรรมการ 4. นายสืบตระกูล บินเทพ กรรมการ5. นางสาวศิริธร ชนะวงศ์ กรรมการ
          แม้ปี 2549 จะเป็นปีที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท รวมถึงความไม่แน่นอนทางด้านการเมือง ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งประสบปัญหาเรื่องผลกำไรตกต่ำอย่างน่าใจหาย
          ทว่า บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT กลับไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวเท่าใดนัก เพราะบริษัทยังสามารถรักษาระดับผลกำไรได้เท่าๆ กับปีก่อน ซึ่งมีน้อยบริษัที่จะทำได้เช่นเดียวกับบริษัทนี้
          โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับผลกำไรได้พอๆ กับปีก่อน น่ามาจากความพร้อมในการแข่งขัน การบริหารงานที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหารระดับสูง ถึงทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทเข้มแข็งขึ้นทุกวัน
          นั่นหมายความว่า SPPT เป็นหุ้นที่เหมาะการการลงทุนมากสุดในภาวะเช่นนี้เพราะค่า P/E ที่ระดับ 6.27 เท่า และค่า P/BV ที่ระดับ 1.81 เท่า สื่อให้รู้ว่าราคาหุ้นยังอยู่ต่ำกว่าราคาเหมาะสมมาก
          นี่จึงเป็นหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรส่งเสริมและให้การสนับสนุนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นมากๆ เพราะผู้บริหารเข้ามาระดมทุนเพื่อไปใช้ในการขยายงานของบริษัทจริงๆซึ่งแตกต่างจากผู้บริหารรายอื่นๆ ที่เน้นเรื่องราคาหุ้นมากกว่าธุรกิจ
          หากสังเกตให้ดีจะพบว่าหุ้นที่เข้ามาพร้อมๆ กับหุ้นตัวนี้มีผลประกอบการย่ำแย่อย่างหนักส่วนราคาหุ้นในกระดานก็ร่วงลงเรื่อยๆ จนนักลงทุนรายย่อยเข็ดขยาดกับหุ้นขนาดเล็กกันเป็นแถบในช่วงที่ผ่านมา

          ที่สำคัญเมื่อดูผลประกอบการประจำปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ที่ทำกำไรได้เป็นจำนวน 162.56 ล้านบาท หรือ 0.65 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 163.28ล้านบาท หรือ 0.67 บาทต่อหุ้น ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงประจำปีก็ว่าได้ เพราะการรักษาระดับผลกำไรได้คงเส้นคงวาเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่ายๆ
          นอกจากนี้เมื่อดูฐานทางการเงินในส่วนของกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นเป็น 225.56 ล้านบาทจากก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 154.79 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับ 565.46 ล้านบาทจากก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 487.12 ล้านบาท ต้องยอมรับว่ามั่นคงเกินกว่าจะซวนเซตามภาวะเศรษฐกิจ
          เนื่องจากภาระหนี้สินที่แบกรับทั้งหมดมีเพียง 92.80 ล้านบาท ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินงานของบริษัทแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นหนี้สินที่เกิดจากการทำการค้าล้วนๆ ส่วนหนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมแทบไม่มีเลยก็ว่าได้
          รวมทั้งการที่ตัวบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดมากถึง 97.81 ล้านบาทย่อมทำให้การบริหารงานคล่องตัวสูง และปราศจากปัญหาเงินขาดมือ ในทางกลับกันตัวบริษัทอาจกำลังเผชิญกับปัญหาทุนจมอยู่ก้ได้
          SPPT จึงเป็นหุ้นดาวเด่นในกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์อย่างสมบูรณืแบบ แต่น่าเสียดายที่หุ้นตัวนี้มีจำนวนหุ้นจดทะเบียแค่ 250 ล้านหุ้น และมีหุ้นกระจายอยู่ในตลาดฯ น้อยมาก ก็เลยไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนมากนัก