ผู้บริหารแบงก์นครหลวงไทยยอมรับปีนี้ผลการดำเนินงานส่อแววลดลง กดปันผลหดต่อเนื่องจากปี 49 เหตุลดดอกกู้ตามนโยบายรัฐและถูกกระทบจากการตั้งสำรอง IAS39แถมการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจซบ กดยอดสินเชื่อต่ำกว่าเป้าที่คาดไว้ ด้านนักวิเคราะห์แนะนำแค่ถือ เหตุปันผลต่ำกว่าคาด
แหล่งข่าวผู้บริหารธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน)หรือ SCIB เปิดเผยว่าแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของธนาคารสำหรับผลประกอบการปี 50 คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องจากในปี 49 เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพื่อสนองตอบนโยบายรัฐบาล รวมทั้งการตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่(IAS39)ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของธนาคาร
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่แบงก์นครหลวงไทยเท่านั้น แต่เป็นทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง การเมืองที่อยู่ในภาวะตรึงเครียด กระทบต่อการประกอบธุรกิจโดยตรง
"เศรษฐกิจก็อยู่ในช่วงขาลง การเมืองก็อยู่ในช่วงที่เคร่งเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อการประกอบธุรกิจ ทำให้แบงก์ต่างก็ได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งหมดประกอบกับที่ผ่านมาทางแบงก์ก็ไม่สามารถขยายฐานลูกค้าและขยายฐานสินเชื่อได้ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการและการจ่ายปันผลมีแนวโน้มลดลงตามไปด้วย"แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้บอร์ดมีมติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จากผลกำไรจากการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 49 ดังนั้นคงเหลือเงินปันผลที่จะต้องจ่ายอีกหุ้นละ 0.30บาท จากผลกำไรจากการดำเนินงานงวดครึ่งหลังปี 49 โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้น วันที่ 5 เม.ย.50
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ระบุว่าแนะนำให้ถือ เนื่องจากแบงก์จ่ายปันผลต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการจ่ายปันผลราว 40% ของกำไรสุทธิและคิดเป็นอัตราตอบแทนเงินปันผลเพียง 1.9% แม้ฐานกำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังปี 49 จะคิดเป็นสัดส่วน 53%ของกำไรสุทธิทั้งปี 49 แต่การจ่ายเงินปันผลที่ลดลงต่ำกว่างวดครึ่งปีแรกเนื่องจากต้องตั้งสำรองหนี้ตามเกณฑ์ IAS 39 ซึ่งยังมีต่อเนื่องอีกในปี 2550
สำหรับสิ้นปี 2549 SCIB มีสัดส่วน CAR เท่ากับ 13.6% ส่วนใหญ่เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ซึ่งยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 9-10% สามารถรองรับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น และการขยายสินเชื่อสุทธิในปี 2550 ที่ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นขั้นต่ำ 2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมา ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี PBV 1 เท่า มีส่วนลดจาก Fair valueที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ PBV 0.9 เท่า |
|
| ข่าวหุ้น |
|
|
|
|
|
|
 |
| | เข้าชม: 1,040 |
|
