May 12, 2024   7:55:35 AM ICT
BANPU โตได้เรื่อยๆ

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 31,152,149 หุ้น 11.46%2. MELLON NOMINEES (UK) LIMITED 8,407,400 หุ้น 3.09%3. บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด 8,053,808 หุ้น 2.96%4. บริษัท ทีเอ็มอี แคปิตอล จำกัด 7,839,000 หุ้น 2.88%5. GOLDMAN SACHS INTERNATIONAL 7,738,177 หุ้น 2.85%คณะกรรมการ1. นายสุนทร ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริษัท 2. นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้อำนวยการ 3. นายเมธี เอื้ออภิญญกุล กรรมการ 4. นายวิฑูรย์ ว่องกุศลกิจ กรรมการ5. นายสวัสดิภาพ กันทาธรรม กรรมการ
          ธุรกิจถ่านหินถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการได้เรื่อยๆ เพราะตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2549 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ปริมาณการบริโภคถ่านหินในตลาดส่งออกของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย
          เมื่อสังเกตจากราคาส่งมอบถ่านหินในตลาด spot ซึ่งวัดโดย Barlow JonkerIndex พบว่าราคาถ่านหินในปี 2549 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 49 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2548 อยู่ที่ระดับ 48 เหรียญสหรัฐต่อตัน
          ตัวเลขดังกล่าวจึงเป็นเสมือนภาพสะท้อเสถียรภาพความมั่นคงของธุรกิจถ่านหินได้เป็นอย่างดี เพราะตราบใดที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการควบคุมโรงงานถ่านหิน ธุรกิจนี้ก็สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้เรื่อยๆ
          ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้ BANPU หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจถ่านหินรายใหญ่ของประเทศ มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ดูได้จากรายได้การขายในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
          โดยเฉพาะยอดขายในปี 2549 ด้วยจำนวน 33,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปี2548 มีรายได้อยู่ที่ 25,208 ล้านบาท เนื่องบริษัทได้เพิ่มปริมาณการผลิตถ่านหินจากแหล่งคุณภาพสูงคือแหล่งทรูบาอินโดซึ่งตั้งอยู่ในเกาะกาลิมันตัน โดยสามารถจำหน่ายได้ 4.1ล้านตัน ซึ่งเป็นปีที่สองที่บริษัท ดำเนินการผลิตจากแหล่งนี้


          ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 3,610 ล้านบาท หรือ 13.29 บาทต่อหุ้น ลดลง 33% จากปี 2548 กำไรสุทธิอยู่ที่ 5,558 ล้านบาท หรือ 20.46 บาทต่อหุ้น ซึ่งตัวเลขกำไรสุทธิที่ลดลงดังกล่าวไม่ใช่ตัวสำคัญที่บ่งชี้ว่าบริษัทด้อยประสิทธิในการดำเนินงานได้
          เพราะเมื่อดูจากอัตราส่วนกำไรขั้นต้นแล้ว เพิ่มขึ้นถึง 11% จากปี 2548 จำนวน 11,275 ล้านบาท มาอยู่ที่ 12,540 ล้านบาท ในปี 2549 นั่นแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการทำกำไรของบริษัทยังอยู่ในระดับดี
          เพียงแต่กำไรสุทธิที่ไม่สามารถเติบโตขึ้นได้นี้ มาจากค่าใช้จ่ายในส่วนของภาษีส่งออกจำนวน 705 ล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้มีจำนวนเพียง 196 ล้านบาท อีกทั้งยังขาดทุนสุทธิจากอนุพันธ์ทางการเงินอีก 437 ล้านบาท และค่าชดเชยการเลิกจ้าง 265 ล้านบาทเหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบที่กดดันผลประกอบการปี 2549 ทั้งสิ้น
          ส่วนสภาพคล่องในการดำเนินงานถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ จากที่พบว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 12,401 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียน 12,548 ล้านบาท ได้ค่า CurrentRatio เท่ากับ 0.99 เท่า ซึ่งถือว่ามีสภาพคล่องตัวเพียงพอต่อการชำระหนี้สินที่มีอยู่ได้ในระดับหนึ่ง
          ด้านโครงสร้างทางการเงิน หรือ D/E Ratio เท่ากับ 1.21 เท่า โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้น 22,343 ล้านบาท และหนี้สินรวม 27,042 ล้านบาท ถือว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังดูดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
          ภาพรวม BANPU ถุอเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพราะมีประสิทธิภาพในการทำกำไรที่โดดเด่น และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้หุ้นตัวนี้เป็นที่ต้องตาของนักลงทุนเสมอมา...

ข่าวหุ้น

/
เข้าชม: 1,042

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com