April 28, 2024   10:06:18 PM ICT
BIGC โตสวนกระแส

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. GEANT INTERNATIONAL B.V. 287,820,000 หุ้น 35.92%2. บริษัท เสาวนีย์โฮลดิ้งส์ จำกัด 218,280,000 หุ้น 27.24%3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 43,829,230 หุ้น 5.47%4. STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR SWITZERLAND,
          31,900,000 หุ้น 3.98%5. THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED 25,902,402 หุ้น 3.23%คณะกรรมการ1. นายสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ 2. นายอีฟ แบร์กนาร์ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 3. นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการ 4. นายเวียด ฮง โด กรรมการ5. นายจอห์น เซียน ซู-ลิน กรรมการ
          ต้องอยมรับว่าปี 2549 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหามากมายหล่ยด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของดอกเบี้ย ค่าเงินบาท น้ำมัน หรือแม้แต่ความวุ่นวายทางด้านการเมือง ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ชลอตัว และมีผลประกอบการที่ถดถอยกันอย่างถ้วนหน้า


          เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นต้องแบกรับภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งประสบปัญหาขาดทุน หรือทำกำไรได้น้อยลง
          ยกเว้นในรายของ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGCกลับไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชลอตัว และยังปั้นรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นสวนกระแสดังกล่าวอย่างโดดเด่นอีกด้วย
          เห็นได้จากกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2549 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31ธันวาคม 2549) บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 2,123 ล้านบาท หรือ 2.65 บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปี 2548 อยู่ที่ 1,882 ล้านบาท หรือ 2.35 บาทต่อหุ้น
          กำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มเนื่องจากรายได้จากการขายสินค้าปรับเพิ่มขึ้น 9% มาที่ระดับ 58,032 ล้านบาท จากปี 2548 อยู่ที่ 53,194 ล้านบาท สาเหตุของความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องจำนวน 4 สาขาในปี 2549 คือ สาขาแพร่ สาขาราชบุรี สาขาลำลูกกา และสาขาปราจีนบุรี
          ประกอบกับมีรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการจำนวน 2,427 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16%จากปี 2548 จำนวน 2,086 ล้านบาท เนื่องจากการขยายพื้นที่ให้เช่าจากการเปิดสาขาใหม่ 4 สาขา อีกทั้งบริษัทยังมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากปี 2548 อีกจำนวน 943 ล้านบาท
          ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% มาอยู่ที่ระดับ 9,884ล้านบาท จากปี 2548 จำนวน 8,670 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุของการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการผลักดันการเจริญเติบโตของยอดขาย

          ส่วนสภาพคล่องในการดำเนินงาน พบว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 6,930 ล้านบาทและหนี้สินหมุนเวียน 14,567 ล้านบาท ได้ค่า Current Ratio เท่ากับ 0.48 เท่าซึ่งตามจริงแล้วถือว่าค่าที่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ากำหนดไว้มาก
          เมื่อดูจากตัวธุรกิจที่มีรูปแบบซื้อมาขายไป และมีการซื้อสินค้าแบบสินเชื่อมากกว่าเงินสด จึงถือเป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจนี้ ที่ทำให้การดำเนินงานมีสภาพคล่องตัวต่ำ แต่นั่นก็ไม่ถือว่ามีปัญหาแต่อย่างใด
          ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้น หรือ D/E Ratio เท่ากับ 1.07 เท่า โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้น 14,502 ล้านบาท และหนี้สินรวม 15,453 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าการประกอบธุรกิจมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ
          ภาพรวมของ BIGC ถือว่าดูดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะผลกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกแรงสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสร้างแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นในไม่ช้า และนักลงทุนรายใดที่มองหาหุ้นที่ลงทุนระยะยาว หุ้นตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรก
          เพียงแต่การเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ควรรอให้ผ่านวันขึ้นเครื่องหมาย XD เสียก่อน ถึงจะทำให้นักลงทุนมีการลงทุนที่ต่ำบริษัททำกำไรได้โดดเด่นยิ่งขึ้น

ข่าวหุ้น
เข้าชม: 1,765

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com