ประกอบกับต้นทุนขายและผลิตเพิ่มขึ้นอีก 6% มาอยู่ที่ระดับ 1,650 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2548 อยู่ที่ 1,554 ล้านบาท ถือเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ฉุดผลการดำเนินงานให้ลดลง
แม้ว่าตลอดปี 2549 ที่ผ่านมาบริษัทจะมีรายได้เสริมจากการบริการรับจัดและบริหารกิจกรรมเป็นจำนวนสูงถึง 494 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 97% เมื่อเทียบกับปี 2548 อยู่ที่ 250ล้านบาท
รวมถึงมีรายได้จากการบริการจัดหาอุปกรณ์และบริการอื่นเพิ่มขึ้นอีก 162 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 133% จากปี 2548 อยู่ที่ 69 ล้านบาท ซี่งถือว่ารายได้เสริมดังกล่าวเป็นเพียงตัวรั้งกำไรสุทธิไว้มิให้จมลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่เท่านั้น
ด้านสภาพคล่องตัวในการดำเนินงาน ถือว่ายังไม่มีปัญหาติดขัดอะไรมากนัก จากที่พบว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนทั้งหมด 1,086 ล้านบาท เป็นส่วนของเงินสด 346 ล้านบาทและหนี้สินหมุนเวียน 705 ล้านบาท ได้ค่า Current Ratio เท่ากับ 1.54 เท่า
สะท้อนให้เห็นว่าสภาพคล่องตัวที่เหลืออยู่สามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างแน่นอน หากบริษัทพลิกกลับมาทำกำไรให้โดดเด่นขึ้น
น่าเสียดายเมื่อย้อนดูรูปการณ์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันแล้ว บริษัทยังไม่มีผลงานอันโดดเด่นเป็นที่น่าประทับใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เลย อีกทั้งสถานการณ์กลับดูย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ และเป็นที่น่ากังวลนักสำหรับบริษัทแห่งนี้
ส่วนโครงสร้างทางการเงิน หรือ D/E Ratio เท่ากับ 0.91 เท่า จากที่พบว่ามีส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด 1,474 ล้านบาท และหนี้สินรวม 1,335 ล้านบาท ซึ่งค่าดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขที่บ่งบอกถึงฐานะการเงินเท่านั้น เพราะหากบริษัทยังไม่สามารถพลิกกำไรให้โดดเด่นได้ คงเกิดปัญหาให้ตามแก้อย่างแน่นอน
นี่คือช่วงภาวะถดถอยเต็มตัวของ GMMM และ GRAMMY เพราะหุ้นทั้งสองตัวมีผลประกอบการตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และไม่มีวี่แววจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆ นี้นั่นเอง