ทั้งนี้อันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว เป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่สะท้อนถึงการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากธนาคารแม่ในประเทศไต้หวัน ซึ่งธนาคารเมกะ ประเทศไทยนั้น มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อการขยายกิจการสู่ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคของธนาคารแม่ฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของธนาคารเมกะประเทศไทยในธุรกิจให้กู้ยืมแก่นักลงทุนชาวไต้หวันในฐานะที่เป็นธนาคารไต้หวันเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย รวมถึงการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและการมีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
สำหรับหุ้นกู้ระยะสั้นชุดแรกของธนาคารเมกะ ประเทศไทยเป็นหุ้นกู้ระยะสั้นอายุ 90วัน ซึ่งนับเริ่มจากวันที่ออกหุ้นกู้คือวันที่ 6 มีนาคม 2550 และสิ้นสุดในวันที่ 4 มิถุนายน 2550
โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทน 4.58% ต่อปี หรือเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนบวกด้วยอัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่ม 0.11% ต่อปี
ทั้งนี้ ผลการแสดงความจำนงจองซื้อของผู้ลงทุน (book-building) ในวันที่ 27กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ยอดรวมของความจำนงจองซื้อหุ้นกู้ของนักลงทุนนั้นมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าการเสนอขาย 1,000 ล้านบาท ถึง 1.2 เท่า
สำหรับธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์แห่งประเทศไต้หวันนั้น ถือได้ว่าเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไต้หวัน โดยในปี 2549 ที่ผ่านมา ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดในอัตรา 6.5% ของสินเชื่อรวมทั้งระบบ ทั้งนี้กว่าครึ่งหนึ่งของสินเชื่อรวมเป็นสินเชื่อที่ปล่อยให้กับบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทที่เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไต้หวัน ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์แห่งประเทศไต้หวัน ได้รับอันดับความน่าเชื่อถือ A จาก Standard and Poors และ A2 จาก MoodysInvestors Service
ทั้งนี้การจัดจำหน่ายหุ้นกู้ภายใต้โครงการการเสนอขายหุ้นกู้ระยะสั้นมูลค่ารวม 3,000ล้านบาทของธนาคารเมกะประเทศไทยนี้ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายร่วมกัน