April 28, 2024   10:00:31 PM ICT
เทคนิคการเทรดหุ้น เพื่อนักลงทุนพันธุ์ใหม่

วันเสาร์ที่ผ่านมา ทางสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุน ได้เชิญผมไปบรรยายเรื่อง เทคนิคการเทรดหุ้น เพื่อนักลงทุนพันธุ์ใหม่ ผมก็เลยถือโอกาสเขียนบทความให้ท่านผู้อ่านฟัง เสมือนว่าได้ไปอยู่ที่ห้องประชุมด้วยกันจริง ๆ จะได้เป็นความรู้เพิ่มเติม เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการลงทุนในปีนี้ คำว่านักลงทุนพันธุ์ใหม่ คืออะไร ต้องย้อนกลับไปถามว่า พันธุ์เก่าคืออะไร ตามประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดหุ้นมา ปีนี้ก็เข้าปีที่ 20 นักลงทุนพันธุ์เก่า ก็คือ พวกที่ซื้อขายกันโดยฟังข่าว จากเพื่อนบ้าง จาก MKT บ้าง จากคนรอบข้างบ้าง ก็มีถูกบ้างผิดบ้าง ล้มหายตายจากกันไป มีนักลงทุนหลายรายที่เคยคิดฆ่าตัวตาย ก็คือ นักลงทุนพันธุ์เก่าเท่านั้น ส่วนนักลงทุนพันธุ์ใหม่ที่ผมอยากจะเห็น ก็คือ นักลงทุนที่มีเหตุมีผลในการลงทุน ไม่โลภจนเกินไป ลงทุนในตลาดหุ้นต้องการผลตอบแทน 10 % ต่อปี เพื่อให้ไม่ไปกดดันจุดตัดสินใจ ซื้อ หรือ ขายหุ้นจนเกินไป


          นักลงทุนพันธ์ใหม่ก็คือคนที่ มีความรู้อย่างลึกซึ้ง ในหุ้นแต่ละตัว วิเคราะห์เชิงเทคนิคเคิลเป็นและรู้จักใช้วิจารณญาณ ไม่ทุ่มเงินทั้งหมดไว้ในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกในการนำเงินสด มาลงทุน คำว่า “เป็นทางเลือก” ก็คือ มันมีอีกหลายทาง เงินของพวกเรามีอยู่ก้อนเดียวทั้งชีวิต อันนี้ผมนับเฉพาะรายย่อยครับ ก็ควรจะแบ่งการลงทุนออกไป เพื่อให้เงินลงทุนไม่เสี่ยงจนเกินไป ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงจากการลงทุนสูง แต่ต่ำว่าการซื้อล๊อตเตอรี่ของรัฐบาล ต่ำกว่าการเอาเงินไปปล่อยกู้ข้างบ้าน  พวกนั้นจะมีความเสี่ยงสูง คือ อาจจะหายไปเลยได้ ในส่วนของความเสี่ยงที่ต่ำกว่าตลาดหุ้น ก็คือเอาเงินไปลงกองทุนตราสารหนี้ ฝากธนาคาร การที่จะไปซื้ออพาร์ทเมนต์ เพื่อให้เช่า พวกนี้ความเสี่ยงต่ำกว่าลงทุนในตลาดหุ้น เวลาที่ตัดสินใจในการลงทุนในทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูง มันก็ควรจะได้ผลตอบแทนในระดับสูง ทำอย่างไรจึงจะได้ผลตอบแทนในระดับสูง  คำว่านักลงทุนพันธ์ใหม่ เป็นเรื่องที่จะต้องช่วยตัวเอง  คือ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน เมื่อเรารู้ว่า เล่นหุ้นแบบไหนมีความเสี่ยงมาก เล่นหุ้นแบบไหนมีความเสี่ยงน้อย แล้วค่อยมาจัดพอร์ตลงทุนของเราเอง การที่เราจะตัดสินใจได้ว่า วิธีใดมีความเสี่ยงน้อย หรือมีความเสี่ยงมาก ท่านนักลงทุนจะต้องรู้แจ้ง ถึงจะกำหนดความแตกต่างได้ เราก็จะมาคุยในรายละเอียดกันว่ามีวิธีในการลงทุนกี่ประเภท ที่จะกล่าวมี 3 ประเภท (1) การเป็นนักลงทุนระยะยาว (2) การเป็นนักเก็งกำไรระยะยาว หรือการเล่นเป็นรอบ ๆ และ (3) การเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น ถึงสั้นมาก

          ทั้ง 3 ประเภทมีความเสี่ยง แต่เสี่ยงไม่เหมือนกัน และมีผลตอบแทนที่ไม่เท่ากันเช่นกัน ซึ่งผมบอกไม่ได้ว่าวิธีใดดีที่สุด เหมาะสมที่สุด ขึ้นอยู่กับ นิสัยการลงทุนของนักลงทุนแต่ละท่าน บางคนใจร้อน บางคนใจเย็น บางคนเงียบสงบ บางคนตื่นเต้นตกใจง่าย ถ้าเรารู้ตัวว่า เราเหมาะกับการลงทุนประเภทไหนแล้ว เราก็จะลงไปศึกษาถึงรายละเอียดของความเสี่ยง และโอกาสที่จะหากำไรจากการลงทุนในแต่ละประเภท

          ประเภทที่ 1 การเป็นนักลงทุนระยะยาว ความเสี่ยงของนักลงทุนประเภทนี้ คือ สิ่งที่ตลาดหุ้น ตลาดเงิน ไม่คาดคิดว่าจะเกิด เช่น มาตรการสำรอง 30% ที่ประกาศเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม, ระเบิด 10 กว่าจุดใน กทม. เมื่อตอนสิ้นปีที่ผ่านมา จะส่งผลต่อราคาหุ้นที่เราถือ  ไม่ว่าหุ้นตัวนั้นจะเป็นหุ้นดีมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ส่วนผลตอบแทนในการลงทุนในหุ้นประเภทนี้ ก็จะไปของมันเรื่อย ๆ ตามผลประกอบการของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ ผู้ที่เล่นหุ้นประเภทนี้ จะต้องใจเย็น ๆ ศึกษารายละเอียดของหุ้นนั้น  ๆ และประเภทของธุรกิจอย่างลึกซึ้ง กล่าวถือ จะต้องรู้จักมันเป็นอย่างดี

          ประเภทที่ 2 การเป็นนักเก็งกำไรระยะยาว หรือการเล่นเป็นรอบ ๆ ประเภทนี้จะต้องเป็นคนที่เก่งเรื่องปัจจัยพื้นฐาน เพราะการเล่น จะเป็นการเล่นตามรอบของตลาด ตามรอบของธุรกิจ กลุ่มที่นักลงทุนประเภทนี้เล่น คือกลุ่มหลักทรัพย์ กลุ่มเดินเรือ กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มธนาคาร กลุ่มน้ำมัน  ซึ่งการขึ้นแต่ละครั้งได้ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่ต้องจับรอบการขึ้นให้ถูก ถ้าเราเก็งรอบผิด เราก็จะติดหุ้นกลุ่มนั้นอยู่นานพอสมควร และรอบในแต่ละรอบ ก็ใช่ว่าจะอยู่ใน 1 ปี บางกลุ่ม 2 – 3 ปี ถึงจะมาสักทีนึง

          กลุ่มที่ 3 การเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น ถึงสั้นมาก กลุ่มนี้ รายละเอียดและวิธีการเทรดหุ้น จะอยู่ในหนังสือ เก็งให้ได้กำไร ซึ่งผมแต่งขึ้นมาประมาณ 1 ปี อาจจะหาซื้อยากสักหน่อยนึง ถ้ามีโอกาสให้อ่านก็จะเข้าใจ

          ก่อนจบก็ขอคาดการณ์สภาพตลาดในสัปดาห์นี้ให้ฟัง ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้จะยังคงซึมต่อไป มีแนวรับที่ประมาณ 665 จุด ส่วนแนวต้าน น่าจะอยู่ที่ 685 จุด ปริมาณการซื้อขายก็ยังคงเบาบาง อาจจะต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งสัปดาห์ สิ่งที่ต้องตามสำหรับเมืองไทย ก็คือ ตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ส่วนที่ต้องตามในด้านต่างประเทศ คือ ตลาดหุ้นสหรัฐ และของจีน ซึ่งจะยังเป็นปัจจัยลบ ส่งผลรบกวนตลาดอยู่...

ทันหุ้น
/
เข้าชม: 1,867

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com