April 28, 2024   2:22:29 AM ICT
กลยุทธ์ลงทุน....รับปีแห่งความวุ่นวาย

หลังจากยุทธการกันสำรองเพื่อป้องกันการเก็งกำไรของธนาคารแห่งประเทศไทย อันมีผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มิทันที่ตลาดจะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ก็มาเกิดเหตุการณ์การก่อวินาศกรรมในแหล่งธุรกิจและการท่องเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ เข้าไปอีก ดูแล้วนับเป็นการเปิดศักราชใหม่ที่เรียกได้ว่ากลืนไม่เข้า คายไม่ออกจริงๆ

อาจมีคำถามค่ะว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เราควรวางแผนการลงทุนอย่างไรดี ในที่นี้คงจะขอมุ่งเน้นไปยังผู้ลงทุนระยะยาวที่ต้องการให้มีรายได้เพียงพอในอนาคตเป็นหลักค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปผู้ลงทุนควรกระจายการลงทุนทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ และเงินฝากอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโดยตรงหรือผ่านกองทุนรวมก็ตาม ผู้เขียนได้ลองรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนในตราสารประเภทต่างๆ มาให้ลองพิจารณาดูดังนี้ค่ะ

1) หุ้น หลังจากหุ้นตกอย่างรุนแรงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หลายคนเริ่มคิดว่าควรขายหุ้นออกไปก่อน จะดีกว่าหรือไม่ เพราะนอกจากราคาหุ้นจะขึ้นไม่ได้มากแล้ว ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงอีกด้วย ผู้รู้ด้านวางแผนการลงทุนบางท่านให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า "การขายหุ้นในช่วงตลาดตก" นั้น ไม่ยากเท่ากับว่า "เมื่อไร จะกลับมาซื้อหุ้น หรือกองทุนหุ้นเหล่านั้นได้อีก?"

โดยทั่วไปแล้ว การที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก โดยที่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทมิได้เปลี่ยนไปมากนัก ย่อมเปิดโอกาสให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างมากได้เช่นกัน คำถามที่เกิดขึ้นคือเมื่อไรเท่านั้น อาจจะเป็นอีก 1 เดือน 3 เดือน 1 ปี หรือ 3 ปีข้างหน้า ความยากคือไม่มีใครรู้แน่ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อใดกันแน่

ดังนั้น การขายหุ้นไปในขณะที่ตลาดตกอาจช่วยให้เราขาดทุนน้อยลงได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เปิดช่องที่จะทำให้เราพลาดโอกาสในการทำกำไรอย่างมากด้วยเช่นกัน

สำหรับผู้ที่กลัวว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทนั้น อาจใช้วิธีเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความมั่นคง และมีประวัติการจ่ายปันผลเป็นประจำ เพื่อที่ว่าเงินปันผล จะช่วยให้นักลงทุนไม่ถึงกับอกสั่นขวัญหายยามราคาหุ้นตกหนักได้ ข้อดีของหุ้นปันผลอีกประการหนึ่ง ก็คือ ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการขอเครดิตภาษีเงินปันผล ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนหลังภาษีของเงินปันผลดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้อีก

นอกจากนี้ ผู้ลงทุนอาจเลือกกระจายเงินลงทุนไปยังต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (fif) ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เราหนีออกจากความเสี่ยงเชิงภาพรวมภายในประเทศที่ไม่มีใครควบคุมได้แล้ว ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังหลายประเทศและหลายสกุลเงิน เปิดโอกาสให้ได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจบนความเสี่ยงที่ต่ำลงในระยะยาว

2) ตราสารหนี้ ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี หลายคนมักจะหันเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้กันค่ะ ด้วยเห็นว่าราคาไม่ผันผวนขึ้นลงเหมือนหุ้น และได้รับดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด แต่การลงทุนในตราสารหนี้หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนนั้น ควรอย่างยิ่งที่ผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาถึงสภาพคล่องและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทที่เราลงทุนหรือปล่อยกู้ว่าอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจหรือนโยบายของทางการเพียงใด และต้องประเมินด้วยว่าอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นนั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่

3) เงินสดและกองทุนรวมตลาดเงิน ปกติเรามักจะมีเงินสดไว้สำหรับเป็นเงินสำรองสำหรับภาวะฉุกเฉินค่ะ แต่จากวิกฤตการณ์หุ้นตกอย่างรุนแรงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าเงินสดยังเป็นเงินทุนสำหรับการซื้อของถูกเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เงินสดนั้นมักได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้น การเลือกเก็บเงินสดไว้ในกองทุนรวมตลาดเงินที่ลงทุนในตราสารภาครัฐและสถาบันการเงิน จะช่วยให้ได้รับความคล่องตัว อีกทั้งผลตอบแทนสูงกว่าการฝากออมทรัพย์และไม่มีภาระภาษีอีกด้วย

ดารบุษป์ ปภาพจน์ : darabusp@primavest.com


เข้าชม: 1,541

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com