April 28, 2024   11:59:22 PM ICT
ภัทรปรับลดดัชนีหุ้นปีนี้เหลือ 700 จุด

พร้อมคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 48 ขยายแค่ 7% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรรวม 25% เหตุรายได้กลุ่มพลังงานลด

ภัทรปรับลดคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ลงเหลือ 720 จุด พร้อมคำนวณกำไรบริษัทจดทะเบียนรวมจะขยายตัวลดลงเหลือ 7% ปีหน้า จากระดับ 25% ปีนี้ เป็นผลจากกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง บวกการปรับตัวของหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังแบงก์ชาติออกกฎระเบียบและกรอบงานตรวจสอบภาคธนาคารใหม่ ฉุดตลาดปรับขึ้นน้อยลงช่วงครึ่งหลังปีนี้

บล.ภัทร เผยแพร่บทวิจัยกลยุทธ์การลงทุนในไทย ในหัวเรื่อง กลยุทธ์จัดสรรสินทรัพย์ใหม่ ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ภายใต้แรงต้านจากปัญหาราคาน้ำมันกับดอกเบี้ยปรับขึ้น และกฎระเบียบคุมภาคธนาคารเข้มงวดขึ้น พร้อมกรอบงานควบคุมภาคธนาคารใหม่ ที่จะออกมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จึงคาดว่าการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทย จะน้อยลงในปีนี้ และเป็นเหตุผลให้ทีมงาน บล.ภัทร ปรับลดเป้าดัชนีหุ้นไทยจาก 770 จุด เหลือ 700-720 จุด พิจารณาจากการประเมินมูลค่าโดยรวมทั้งจากระดับบนลงล่าง (top-down) และระดับล่างขึ้นบน (bottom-up)

ทั้งนี้ความกังวลราคาน้ำมันกับดอกเบี้ยปรับขึ้น และกฎระเบียบด้านการธนาคารเข้มงวดขึ้น แต่หุ้นกลุ่มที่บริษัทให้น้ำหนักลงทุนเหนือเกณฑ์เฉลี่ย คือ สื่อสาร, วัสดุก่อสร้างและพลังงาน ยังคงให้ผลตอบแทนสมเหตุผลเพิ่มขึ้น 10% ตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีนี้ ตรงข้ามกับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้ความสนใจน้อยที่สุดกลับปรับตัวลงในช่วงเดียวกัน

เราตั้งข้อสังเกตว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนช่วงครึ่งปีแรก ส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่ทีมงานได้คาดการณ์ไว้ ยกเว้นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลงกว่าที่คาดไว้ และตอนนี้เราทบทวนปรับลดคาดการณ์กำไรบริษัทลงเล็กน้อย ซึ่งขณะนี้คาดว่ากำไรตลาดหุ้นจะขยายตัว 25% ปีนี้ และเหลือ 7% ปีหน้า แต่หากไม่คำนึงถึงหุ้นกลุ่มแบงก์ อัตราขยายตัวน่าจะเท่ากับ 20% ปีนี้ และ 9% ปีหน้า ทีมวิจัยระบุ

สำหรับเหตุผลที่ทีมงานของ บล.ภัทร ปรับคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนลดลงอย่างมากในปีหน้า เนื่องจากการพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายของธนาคารเป็นภาษีนิติบุคคล 30% บวกกับหุ้นกลุ่มพลังงาน มีกำไรชะลอตัวหรือลดลงชั่วคราว แต่ถ้าไม่รวมถึงการพิจารณาข้างต้นกำไรของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมควรขยายตัวได้ 15% ปีหน้า

ขณะเดียวกัน บล.ภัทร มองปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง ด้วยความเชื่อที่ว่าปัจจัยภายนอกและภายใน 6 เรื่อง ประกอบด้วย นโยบายการจัดชั้นสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้มงวดขึ้น, แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น, ราคาน้ำมันสูงและการเลิกพยุงราคาน้ำมันปีหน้า, แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอการเติบโต, ความไม่แน่นอนเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่จะมีขึ้นต้นปีหน้า ล้วนเป็นปัจจัยขัดขวางตลาดหุ้นไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้กลยุทธ์การจัดสินทรัพย์ลงทุนของบล.ภัทร แม้จะมองหุ้นกลุ่มธนาคารถ่วงให้ตลาดโดยรวมปรับขึ้นได้น้อยลงช่วงครึ่งหลังปีนี้ แต่ในการวางแผนจัดสินทรัพย์เพื่อการลงทุนระยะ 6 เดือนข้างหน้า ทีมวิจัยของบริษัทยังคงน้ำหนักลงทุนเหนือเกณฑ์เฉลี่ยให้หุ้นกลุ่มนี้ ด้วยความเชื่อว่าเมื่อธนาคารสอบผ่านกรอบงานควบคุม และตรวจตราเข้มข้นนี้ได้ แนวโน้มของหุ้นกลุ่มธนาคารควรค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ในแง่โครงสร้างพื้นฐานดีขึ้น ความเสี่ยงของระบบลดลงในปีหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังคงได้น้ำหนักลงทุนต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ซึ่งพิจารณาจากคาดการณ์กำไรย่ำแย่ต่อเนื่องช่วงครึ่งหลังปีนี้

ผลจากคาดการณ์แนวโน้มการลงทุน จะดีขึ้นอย่างมากช่วงครึ่งแรกปีหน้า โดยกลยุทธ์ลงทุนสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงจากแผนลงทุนปัจจุบันไปเป็นการอ้างอิงวงจรธุรกิจในประเทศมากขึ้น เราจึงแนะนำช่วงครึ่งหลังปีหน้า ให้นักลงทุนค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ สื่อสาร ไฟแนนซ์ และหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเลือกลงทุนบางตัว บทวิจัยระบุในช่วงท้าย

ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ ( 7 ก.ย.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ 631.40 จุด บวก 0.53 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 11,416.88 ล้านบาท

ที่มา www.bangkokbiznews.com

เข้าชม: 1,680

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com