*หลังจาก "โมนิก้า" ไปพบปะกูรูทางด้านตลาดหุ้น พร้อมกับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับทิศทางของตลาดหุ้นไทย ก็ได้ข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ว่า นักลงทุนต่างชาติน่าจะยังเดินหน้าซื้อหุ้นต่อไปเรื่อยๆ เพราะตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวร้ายมากเกินไป จนไม่มีอาการหวั่นไหวให้เห็นนะซี

*รวมทั้งการปรับมาตรฐานบัญชีให้เป็นสากลขึ้น ถึงกับทำให้นักวิเคราะห์พูดเป็นต่อยหอยว่า นักลงทุนต่างชาติน่าจะมองตลาดหุ้นไทยในเชิงบวกมากขึ้น "โมนิก้า" ถึงพยายามพร่ำเตือนนักลงทุนอยู่เสมอว่า หลังจากนี้ทิศทางของดัชนีจะขึ้นอยู่กับความมั่นใจของนักลงทุนล้วนๆ นะจะบอกให้

*ดิฉันถึงพูดอยู่เสมอว่า ใครที่รู้ตัวว่ามีเงินแช่ไว้มากๆ น่าจะลองเข้ามาเก็บหุ้นพื้นฐานดีตุนไว้บ้าง เพราะแค่สัปดาห์เดียวราคาหุ้นบลูชิพเหล่านั้นพุ่งขึ้นถึง 4% แล้วจะมีเหตุผลอันใดมาบอกว่าไม่ควรเจียดเงินมาลงทุนซื้อหุ้นหล่ะค่ะ

*เนื่องจากการนอนรอรับดอกเบี้ยจากเงินฝากออมทรัพย์ร้อยละ 0.75 ต่อปี มันไม่ก่อประโยชน์ต่อเจ้าของบัญชีแม้แต่นิดเดียว เดี๊ยนถึงไม่ต้องการให้นักลงทุนยึดติดกับการลงทุนรูปแบบเดิมๆ เพราะท้ายที่สุด คนที่เสียโอกาสจริงๆ ก็เป็นตัวนักลงทุนนั่นแหล่ะ...หากถามว่าทำไมถึงกล้าพูดเช่นนี้ ก็ขอตอบว่าเรื่องจริงมันเป็นเช่นนั้น จึงไม่มีอะไรต้องปิดบังกันนะจะบอกให้

*หากนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา "โมนิก้า" พูดถึงหุ้นกลุ่มบลูชิพมาแยะแล้ว วันนี้เลยขอพุดถึงหุ้นเก็งกำไรสั้นๆ ให้หายยากกันสักหน่อย และรายแรกที่ขอประเดิมพื้นที่ข่าวตรงนี้คงหนีไม่พ้นหุ้นร้อนอย่าง THL เพราะข่าวล่าสุดที่ออกมา มันกระทบกระเทือนตัวนักลงทุนที่ถือหุ้นตัวนี้โดยตรงนะค่ะ

*โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องการให้ผู้บริหารออกมาชี้แจงผลขาดทุนที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการเปิดเผยข้อมูลครบถ้วนทุกด้านหรือไม่ หากเปิดเผยไม่ครบถ้วน และมีการสั่งให้แก้ไขงบการเงินย้อนหลัง แล้วเป็นเหตุให้ถูกถีบกลับไปสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการอีกหน...มันก็เป็นเรื่องที่น่าคิดไม่น้อยนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TTA ทันทีที่มีการปรังปรุงมาตรฐานบัญชีให้เป็นสากลขึ้นก็บังเกิดข่าวลือขึ้นมาในทันทีว่า บริษัทแห่งนี้จะได้รับผลกระทบทางด้านบัญชีเต็มๆ แต่เมื่อเดี๊ยนร้อยท่อต่อสายตรงไปยังหน่วยงานต่างๆ ก็ได้รับคำยืนยันว่า ส.บ.ม.ย.ห. เพราะมันแค่ตัวเลขลอยๆ...ส่วนงบรวมยังเหมือนเดิมทุกประการเจ้าค่ะ

*ว่างเว้นจากเรื่องงบการเงิน มาดูที่หุ้นเก็งกำไรยอดนิยมอย่าง KEST กันบ้างดีกว่า เพราะกำลังได้รับความสนใจจากพวกเสือปืนไวอย่างล้นหลาม จนวานนี้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 18.40 บาท บวกไป 1.70 บาท พร้อมด้วยแรงซื้อที่แน่นขนัดแบบนี้...ตอกย้ำว่าราคาหุ้นวันนี้จะขึ้นต่อโดยไม่มีเงื่อนไข

*เหมือนกับกรณีของ PHATRA "โมนิก้า" ฟันธงไปแล้วว่า อย่างไงหุ้นก็ต้องขึ้นและหุ้นก็ขึ้นจริงๆ เหมือนที่บอกไว้ทุกประการ แถมการขึ้นในรอบนี้ยังมีแก๊ปให้เล่นกันอีกหลายรอบอีกต่างหาก เดี๊ยนเลยขอแนะนำให้คุณๆ เข้าซื้อหุ้นตัวนี้ติดไม้ติดมือไว้บ้าง เพราะได้ข่าวว่าผู้จัดการกองทุนปลื้มหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ

*ส่วนในรายของ ASP ก็มีคอมเม้นท์ออกมาเหมือนกันว่า เป็นหุ้นที่น่าจับตามากสุดเพราะผลประกอบการที่แสดงออกมาในคราวนี้ แสดงถึงความแข็งแกร่งของการบริหารงานที่ยอดเยี่ยม และการที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดถึงระดับ 3.06 บาท พร้อมกับขึ้นมาติดในทำเนียบหุ้นซื้อขายสูงสุด และเกือบทะลุแนวต้านเส้น 200 วันได้ ก็แสดงว่าหุ้นมีแนวโน้มที่จะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ นะค่ะ

*ส่วนหุ้นแม่ลูกสองศรีอย่าง BAY และ BAY-W1 ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายเช่นเดียวกับรายก่อนหน้านี้ สังเกตได้จากราคาหุ้นที่ผงกหัวขึ้นอีกครั้ง น่าเป็นการส่งซิกให้รู้ว่า การเก็งกำไรรอบใหม่กำลังเกิดขึ้น แถมในอนาคตก็มีสตอรีใหม่ๆ มารองรับเต็มประตูหน้าต่างอีกเพียบ...ราคาหุ้นไม่วิ่งก็ดูกะไรอยู่นะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ RICH "โมนิก้า" ลูกตาแทบถล่นออกจากเบ้าตา เพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นติดกันหลายวันอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ไม่มีข่าวสารอันไหนเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง จะมีก็แต่ข่าวราคาเหล็กที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเท่านั้น...เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุนตัดสินใจกันเอาเองว่า จะเข้าไปร่วมวงเก็งกำไรหรือไม่...เพราะการที่ราคาหุ้นทำnew high ที่ระดับ 4.02 บาท เดี๊ยนรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีนั่นเอง

*คล้ายคลึงกับกรณีของ APURE รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง แถมการขึ้นรอบนี้สัญญาณทางเทคนนิคก็ไม่เป็นใจเลยสักอย่าง เพราะทิศทางของหุ้นก็อยู่ในช่วงขาลงแบบนี้ ใครคิดจะต่อยอดก็ลอง บวก ลบ คูณ หาร กันเอาเองว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่...หากถามใจเดี๊ยนหล่ะก้อ บ๊าย บาย ไปตั้งนานแล้วหล่ะค่ะ

*ส่วนหุ้น UNIQ ก็ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงเหมือนกับที่เดี๊ยนว่าไว้ทุกประการเพราะหุ้นยังเดินหน้าทำ new high ตลอดเวลา แถมได้รับแรงเชียร์จากพวกป๋าดันแบบนี้ไม่ต้องถามว่าราคาเป้าหมายอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะรู้แค่อย่างเดียวว่า กล้าวัดดวงไหมเท่านั้นพอ...ล่าสุดราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.26 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 7%แบบนี้ น่าสนไหมหล่ะ...อิอิอิ