หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างราคาหล่นเป็นใบไม้ร่วง หลังพร้อมใจประกาศผลงานไตรมาสแรกของปี 2550 พี่เบิ้มส่วนใหญ่กำไรหดวูบไม่น่าประทับใจ มีเพียงเจ้าพ่อเสาเข็ม SEAFCO ที่โชว์กำไรพุ่งถึง 90% ด้านบล.เคจีไอ
เตรียมเพิ่มน้ำหนักมากกว่าตลาด หลังเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2/2550 มีปัจจัยหนุน 3 ประเด็นหลัก รถไฟฟ้าคืบหน้า เงินกู้เจบิคชัดเจน ความกังวลงานในมือขาดแคลนผ่อนคลายลง และในครึ่งปีหลังมีโอกาสพลิกขาดทุนเป็นกำไร
หลังงานก่อสร้างภาครัฐเอกชนขยับตัวดันมาร์จิ้นสูง แต่ต้นทุนคงที่ พร้อมรับอานิสงค์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยลด แนะซื้อชู STEC , CK , SEAFCO , และ SYNTEC อนาคตสดใส ขณะที่ขุนคลัง ?ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์? ขีดเส้นประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งขันในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550 ของหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจำนวน 5 บริษัท ประกอบด้วย STEC , CK , KTECH , NWR , SEAFCO ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิรวม 431.91 ล้านบาท ลดลง 148.62% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 887.20 ล้านบาท
ส่วนหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ STEC มีกำไรสุทธิ 31.03 ล้านบาท ลดลง 39% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.41 ล้านบาท ,CK กำไรสุทธิ 35.52 ล้านบาท ลดลง 95.60% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 812.16 ล้านบาท , KTECH ขาดทุนสุทธิ 83.64 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3 ล้านบาท ,NWR ขาดทุนสุทธิ 475.25 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 11.15 ล้านบาท
ขณะที่หุ้นเสาเข็ม SEAFCO มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นกว่ากลุ่ม โดยมีกำไรสุทธิ 60.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.78 ล้านบาท
รัฐจี้ประมูลรถไฟฟ้า
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมเร่งเปิดประมูล 4 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐให้ได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (รังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชัน), โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ), โครงการรถไฟรางคู่เชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบัง และโครงการก่อสร้างทางด่วนพิเศษเชื่อมโยงสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้คาดว่ากระทรวงคมนาคมจะเสนอโครงการรถไฟรางคู่ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า และต่อจากนั้นจะทยอยเสนอโครงการอื่นๆ ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป นายโฆสิต กล่าวต่อว่า ขณะนี้การลงทุนในประเทศชะลอตัวลงมาก ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งการลงทุนเพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปจะส่งผลกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต และในวันที่ 21 พ.ค.นี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาหามาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้นด้วย
ขณะที่นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งขัน จะสามารถเปิดประมูลได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ เพราะขณะนี้มีความพร้อมทั้งแหล่งเงินกู้และรายละเอียดโครงการ
โบรกเล็งเพิ่มน้ำหนักลงทุน
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ไตรมาส 2/2550 ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นรับเหมาก่อสร้างมากยิ่งขึ้น ด้วยปัจจัยสนับสนุน 3 ประการคือ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ามีความคืบหน้ามากขึ้น หลังมีความชัดเจนในเรื่องเงินกู้จากเจบิค มูลค่าทั้งสิ้น 84,000 ล้านบาท ความกังวลเรื่องความขาดแคลนงานในมือผ่อนคลายลง เนื่องจากธุรกิจนอกประเทศดูดีกว่าที่ประเมิน โดยล่าสุด CK ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงในโครงการน้ำบากหนึ่งและสอง มูลค่า 14,000 ล้านบาท
รวมถึงโครงการเขื่อนไชยะบุรี ในลาว มูลค่าสูงถึง 60,000 ล้านบาท โดยมองประเด็นการพลิกกลับจากการขาดทุนมาเป็นกำไร สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ซึ่งจะเริ่มเห็นจาก STEC ตามด้วย ITD และ CK จึงมีแนวโน้มจะปรับคำแนะนำขึ้นจากเดิมที่ให้ ?ลงทุนเท่าตลาด? มาเป็น ?ลงทุนมากกว่าตลาด? หลังจากบริษัทแจ้งผลกำไรไตรมาส 1/2550 ครบหมดแล้ว โดยหุ้นเด่นยังคงเป็น CK และ STEC แนะนำซื้อทั้งสองตัว
เทียบต่อไตรมาสฟื้นตัว
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าว ยังมีมุมมองที่ดีในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังมีมุมมองที่ดีถึงแม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550 ที่ผ่านมาโดยรวมจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการชะลอแผนโครงการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกลุ่มรับเหมาที่ชัดเจน
?ถึงแม้กำไรไตรมาสแรกของกลุ่มรับเหมาจะลดลงจากปีก่อน แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2549 ที่ผ่านมาเพราะต้นทุนถูกสะท้อนไปค่อนข้างเยอะทำให้รับรู้มาร์จิ้นในไตรมาสแรกดีขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง?นายสุกิจกล่าว
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2550ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังคงคาดว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2550 จากการรับรู้รายได้และมาร์จิ้นจากงานในมือที่ค่อนข้างสูง ขณะที่งานก่อสร้างของภาครัฐและเอกชนก็คาดว่าจะสูงขึ้นจาการเร่งเบิกจ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐ
ขณะเดียวกันโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าก็เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ อาทิ SETC ,CK และITD แต่ทั้งนี้คาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเข้ามาอย่างชัดเจนในปีหน้า
?เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐทั้งเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยการลดภาษีเป็นต้นจะช่วยเร่งให้มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เร็วขึ้นทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างได้ประโยชน์จากงานใหม่ที่เข้ามา?นายสุกิจกล่าว
ทั้งนี้ยังคงแนะนำซื้อ หุ้นในกลุ่มรับหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ที่มีมูลค่างานในมือสูง โดยแนะนำ STEC ให้ราคาเหมาะสมที่ 6.50 บาท และ CK ให้ราคาเหมาะสมที่ 9.90 บาท
Q2งานรัฐหนุนกำไรดีขึ้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2550 ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากประสิทธิภาพในการทำกำไรที่สูงขึ้น และการเติบโตของงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน
?ไตรมาส 2 คาดว่ากลุ่มรับเหมาจะดีขึ้น ถ้าเทียบดูไตรมาสต่อไตรมาสแล้วจะเห็นภาพการเติบโตที่ชัดเจน ส่วนกำไรที่ลดลงจากปีก่อนเป็นเพราะหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่มีการตั้งสำรองจากงานที่คาดว่าจะขาดทุนค่อนข้างเยอะ?นายเทิดศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้การเดินหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าของภาครัฐนั้นก็มีความคืบหน้าในเรื่องของเงินกู้แล้วซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยแนะนำซื้อหุ้น STEC จากแนวโน้มของอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเข้ามาให้ราคาเหมาะสมที่ 6.25 บาท
ขณะที่ SEAFCO ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550 กำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อนซึ่งมากกว่าที่คาดจากรายได้และ อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มรวมถึงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี รวมถึงบริษัทมีงานในมือรับรู้รายได้อย่างต่อเนืองจึงแนะนำซื้อ ให้ราคาเหมาะสมที่ 10.40 บาท เช่นเดียวกับ SYNTEC ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการรถไฟฟ้าให้ราคาเหมาะสมที่ 1.42 บาท