April 25, 2024   5:18:35 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เกี่ยวกับเหล็ก PERM
 

U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
วันที่: 05/09/2005 @ 15:55:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

- สรุปข้อสนเทศ -
บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM)

ที่ตั้งสำนักงานใหญ่
เลขที่ 108/3 หมู่ที่ 1 ถนนพระราม 2 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
โทรศัพท์ 0-2416-9978-84 โทรสาร 0-2416-9985-86 Website www.permsin.com, www.suntechthai.com

ที่ตั้งโรงงาน
1. เลขที่ 222 หมู่ที่ 6 ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
2. เลขที่ 108/9 หมู่ที่ 1 ถนนพระราม 2 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
3. เลขที่ 4 หมู่ที่ 6 ถนนพระราม 2 ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
4. เลขที่ 55/93 หมู่ที่ 9 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร

เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 (เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 14 กรกฎาคม 2548)

ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน หุ้นสามัญ 500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 500 ล้านบาท

ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ราคาเสนอขาย 3.50 บาท (เสนอขายต่อประชาชน 100,000,000 หุ้น)

วันที่เสนอขาย 29 ? 30 มิถุนายน 2548 และ 4 กรกฎาคม 2548

วัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน
1. ชำระเงินกู้ค่าก่อสร้างสำนักงานสาขาที่ 5 ที่ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
จำนวน 120 ล้านบาท
2. ชำระหนี้ค่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉนวนกันความร้อน จำนวน
120 ล้านบาท
3. ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า จำนวน 40 ล้านบาท
4. ชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท จำนวน 56 ล้านบาท โดยจะใช้เงินภายในปี 2548

การจัดสรรหุ้นส่วนเกิน - ไม่มี ?

ประเภทกิจการและลักษณะการดำเนินงาน
บริษัทแบ่งลักษณะการผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้
1) เหล็กแผ่นรีดเย็น
บริษัทเป็นผู้แปรรูปและจัดจำหน่ายสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็น (Cold Rolled Steel) โดยปัจจุบันบริษัทซื้อเหล็กแผ่น
รีดเย็นชนิดม้วน (Cold Rolled Coil) จากผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งลูกค้าจะนำไปใช้ในการผลิตเป็นชิ้นงานเหล็กต่างๆ ต่อไป
โดยสามารถจำแนกสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นของบริษัทออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. เหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนชั้นหนึ่ง (Prime Grade Cold Rolled Steel) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงโดย
พิจารณาจากความหนาที่สม่ำเสมอ ไม่มีรอยตำหนิ มีความตึงผิวสม่ำเสมอ ปัจจุบัน บริษัทซื้อเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วน
ชั้นหนึ่งจากกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นในประเทศ คือ บริษัท ไทยสตีลเซลส์ จำกัด (ผู้จัดจำหน่ายของบริษัท
เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เมทัล วัน (ไทยแลนด์) จำกัด (ผู้จัดจำหน่ายของบริษัท สยามยูไนเต็ด
สตีล (1995) จำกัด) โดยบริษัทจะนำเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนชั้นหนึ่งมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์และจำหน่ายให้แก่
ลูกค้า ดังนี้
1.1 เหล็กแผ่น ( Cutting Sheet )
บริษัทนำเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วน นำมาตัดเป็นเหล็กแผ่นตามความกว้างและความยาวที่ลูกค้ากำหนด
โดยบริษัทสามารถตัดเหล็กแผ่นรีดเย็น ที่มีความหนา ตั้งแต่ 0.18 - 3.00 มิลลิเมตร ตามความกว้างได้สูงสุด 1,550
มิลลิเมตร และตามความยาวสูงสุด 4,000 มิลลิเมตร
1.2 เหล็กม้วน
บริษัทจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนตามน้ำหนักให้ลูกค้า สำหรับลูกค้าซึ่งมีเครื่องตัดแผ่นหรือ
เครื่องตัดเหล็กม้วนแถบเล็กเอง ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่สามารถซื้อโดยตรงจากกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็ก เนื่องจากใน
อุตสาหกรรมเหล็กนั้น กลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล็กจะพิจารณาถึงการสั่งซื้ออย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง รวมถึงความ
สามารถในการชำระหนี้ของผู้ค้าเหล็กแต่ละราย
1.3 เหล็กม้วนแถบเล็ก ( Slitting Coil )
บริษัทนำเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนมาตัดตามความกว้างที่ลูกค้ากำหนดและม้วนกลับเพื่อจำหน่าย
เป็นม้วน
2. เหล็กแผ่นรีดเย็นชั้นรอง (Second Grade Cold Rolled Steel) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพรองลงมาจาก
เหล็กแผ่นรีดเย็นชั้นหนึ่ง ซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นชั้นหนึ่ง ซึ่งปรกติจะมีเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน
ออกมาจากการผลิตด้วย ได้แก่ เหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนขนาดเล็ก (Pup Coil) เหล็กแผ่นรีดเย็นหัว-ท้าย (Cut Sheet)
และเหล็กแผ่นรีดเย็นด้านข้างของม้วน (Scrap ball / Chopstick) ปัจจุบัน บริษัทซื้อเหล็กแผ่นรีดเย็นชั้นรองจากบริษัท
เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท สยามยูไนเต็ด สตีล (1995) จำกัด
บริษัทนำเหล็กแผ่นรีดเย็นทั้งประเภทชั้นหนึ่งและชั้นรอง มาผ่านกระบวนการแปรรูปโดยใช้เครื่องจักร
โดยมีกำลังการผลิตรวมเต็มที่ เท่ากับ 100,000 ตันต่อปี

2) ผลิตภัณฑ์เหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า (Electro-galvanized Steel)
บริษัทแปรรูปและจำหน่ายเหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า ซึ่งเหล็กดังกล่าว เกิดจากการนำเหล็กแผ่นรีดเย็นมา
ฝ่ายกรรมวิธีเคลือบเคมีโดยใช้ไฟฟ้า ทำให้พื้นผิวเหล็กแผ่นรีดเย็นเป็นสีเทา เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่
ต้องการพื้นผิวด้านนอกของสินค้าสำเร็จรูปที่เรียบสำหรับการพ่นสี ซึ่งบริษัทมีกำลังการผลิตเต็มที่ เท่ากับ 6,000 ตัน
ต่อปี ปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังการผลิตคิดเป็นร้อยละ 30 ของกำลังการผลิตเต็มที่

3) ผลิตภัณฑ์แผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสี (Roll Forming Metal Sheet)
เดิมผลิตภัณฑ์แผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสี ดำเนินผลิตโดยบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด
ต่อมาไตรมาส 4 ปี 2547 บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจโดยการซื้อทรัพย์สิน ได้แก่ ที่ดิน อาคารและเครื่องจักร รวมถึง
การดำเนินธุรกิจของบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด จากกลุ่มนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกันกับ
บริษัทมาดำเนินการภายใต้บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) ในราคา 89 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาประเมิน และ
ปัจจุบันบริษัทสยามคัลเลอร์ชีท จำกัดได้หยุดการดำเนินธุรกิจแล้ว
บริษัททำการขึ้นรูปและจำหน่ายแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสีใช้สำหรับอาคารโรงงาน
อาคารสำนักงาน และบ้านพักอาศัย โดยใช้ตราสินค้า Suntech ในการทำการตลาดซึ่งเป็นตราสินค้าที่จดทะเบียน
โดยบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน)
บริษัทจะนำเหล็กแผ่นรีดเย็นเคลือบด้วยโลหะผสมอลูมิเนียมกับสังกะสี (เหล็กอลูซิงค์) หรือเคลือบสี ซึ่งซื้อ
จากบริษัท บลูสโคป สตีล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กเคลือบสีหนึ่งในสองรายของประเทศ มารีดขึ้นรูป
เป็นลอนหลังคาและผนัง และปรับความโค้ง โดยมีกำลังการผลิตเต็มที่ เท่ากับ 3,000,000 ตารางเมตรต่อปี
สำหรับการบริการติดตั้งหลังคาเหล็กเคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสี บริษัทให้บริษัทย่อย คือ บริษัท เอส.ซี.
สตีลเวอร์ค จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ

4) ผลิตภัณฑ์โครงหลังคาบ้าน Smartruss
บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โครงหลังคาบ้าน Smartruss จากบริษัท BHP Steel Lysaght (Thailand)
Limited (BHPL) เป็นบริษัทย่อยของบริษัท บลูสโคป สตีล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่ง Smartruss เป็นระบบโครงหลังคา
สำหรับใช้กับบ้านพักอาศัย โดยบริษัทจะรับแบบบ้านจากลูกค้าและนำไปให้บริษัท บลูสโคป สตีล (ประเทศไทย) จำกัด
ใช้โปรแกรมการออกแบบ คำนวณ การใช้โครงหลังคาและนำไปเสนอต่อลูกค้า หากลูกค้าตกลงทำสัญญา บริษัทจะ
ทำการสั่งโครงหลังคาจากบริษัท บลูสโคป สตีล (ประเทศไทย) จำกัด และนำไปติดตั้งให้แก่ลูกค้าต่อไป

5) ผลิตภัณฑ์เหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง ( C-line, C-u, T-bar )
บริษัทแปรรูปและจำหน่ายเหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นหลัก โดย
บริษัทจะนำเหล็กชุบสังกะสีมาตัดตามขนาด ซึ่งจะมีความยาว 4 เมตร และนำมาขึ้นรูปเป็นเหล็กโครงคร่าวเพดานและ
ผนัง โดยมีกำลังการผลิตเต็มที่ เท่ากับ 10,000,000 เส้นต่อปี
ปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังการผลิตประมาณร้อยละ 10 ของกำลังการผลิตเต็มที่ เนื่องจากบริษัทเพิ่มเริ่มทำการ
ตลาด ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2547

6) ผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีรูปตัวซี (C-Channel Galvanized High Tensile Strength)
บริษัทแปรรูปและจำหน่ายเหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีรูปตัวซี สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นหลัก
โดยบริษัทจะนำเหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีชนิดม้วน (Galvanized Steel Coil) ซึ่งมีความหนา 1.4, 1.9 มิลลิเมตร
ที่ตัดตามขนาดมาขึ้นรูปในลักษณะรูปตัวซี บริษัทนำเข้าเหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีจากประเทศแคนาดาและไต้หวัน
โดยมีกำลังการผลิตเต็มที่ เท่ากับ 12,000 ตันต่อปี
ปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีรูปตัวซี เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
ประกอบกับบริษัทเพิ่มเริ่มทำการตลาดในไตรมาส 1 ปี 2548 โดยบริษัทเน้นทำการตลาดควบคู่กับผลิตภัณฑ์แผ่นหลังคา
เหล็กเคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสี และโครงหลังคาบ้าน Smartruss
โดยลูกค้าจะนำผลิตภัณฑ์ที่ซื้อจากบริษัท ทั้งชนิดแผ่นและชนิดม้วน ไปใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตใน
อุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
อุตสาหกรรมท่อเหล็ก อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมอื่น ๆ

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
มลภาวะจากเสียงในขบวนการผลิต แต่บริษัทได้ออกแบบอาคารโรงงานให้มีการเก็บเสียงที่ดียิ่งขึ้น และกรมโรงงาน
อุตสาหกรรมได้สรุปผลการตรวจสอบว่า สภาพโรงงานและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในบริเวณโรงงานอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ ต่อสภาพแวดล้อม

สรุปสาระสำคัญของสัญญา - ไม่มี -

การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ - ไม่มี -

การให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการจัดการ - ไม่มี -

โครงการดำเนินงานในอนาคต
บริษัทมีแผนธุรกิจในการขยายกำลังการผลิตหลังคาเหล็กเคลือบสี และเหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง และการ
เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสี คือ แผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉีดฉนวนกันความร้อน โดย
การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นสำนักงานสาขาที่ 5 รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า เพื่อเพิ่มช่องทางการจัด
จำหน่ายและรองรับความต้องการสินค้าของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ดังนี้
1. ก่อสร้างสำนักงานสาขาที่ 5 เพื่อผลิตแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉีดฉนวนกันความร้อนและเหล็ก
โครงคร่าวเพดานและผนัง
ช่วงปลายปี 2547 บริษัทได้ซื้อที่ดินจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เป็นสำนักงานสาขาที่ 5
สำหรับผลิตแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉีดฉนวนกันความร้อนและเหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง ซึ่งอยู่ที่ตำบล
โคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานสาขาที่ 5 ดังกล่าวมีพื้นที่รวม 33 ไร่ 97.3 ตารางวา
ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 2 หลัง และอาคารโรงงาน 2 หลัง ได้แก่
(1) โรงงานสำหรับผลิตแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉีดฉนวนกันความร้อน (Suntech insulated metal
roof : SIMR)
(2) โรงงานสำหรับผลิตเหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง (C-line, C-u, T-bar)
บริษัทใช้เงินลงทุนสำหรับก่อสร้างโรงงานจำนวน 120 ล้านบาท เงินลงทุนค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์
สำหรับผลิตแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉีดฉนวนกันความร้อน จำนวน 120 ล้านบาท และค่าเครื่องจักรสำหรับ
การผลิตเหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง จำนวน 12 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจากเงินกู้ยืมจากนักลงทุนประเภท
สถาบันในรูปของตั๋วแลกเงินและเงินจากการเพิ่มทุนของบริษัทบางส่วน ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 บริษัทมียอด
เงินกู้ยืมระยะสั้นในรูปตั๋วแลกเงินคงค้าง จำนวน 150 ล้านบาท และเมื่อบริษัทได้รับเงินจากการเสนอขายหุ้นต่อ
ประชาชนบริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งมาชำระเงินกู้ดังกล่าว
ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารโรงงาน ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ ไตรมาส 2
ปี 2548 และผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2548 ซึ่งผู้บริหารคาดว่าผลิตภัณฑ์แผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีพร้อมฉีดฉนวน
กันความร้อนพียูโฟมจะมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของมูลค่าการจำหน่าย และสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็ก
โครงคร่าวเพดานและผนัง คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าการจำหน่าย ซึ่งจะทำให้อัตรา
กำไรขั้นต้นของบริษัทโดยรวมสูงขึ้น และจะมีส่วนแบ่งการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง
ประมาณร้อยละ 30 ของตลาดรวมในปัจจุบัน

2. การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย
บริษัทจะก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าในต่างจังหวัดโดยจะเริ่มที่หัวเมืองใหญ่ก่อน เพื่อเป็นสถานที่กระจายสินค้า
และส่งเสริมการตลาดเหล็กโครงคร่าวเพดานและผนัง เหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีรูปตัวซี และแผ่นหลังคาเหล็ก
เคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสี รวมทั้งเพื่อให้ตราสินค้าของบริษัทเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของผลิต
ภัณฑ์เหล่านี้ คือ กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง บริษัทตั้งงบประมาณการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไว้จำนวน 40 ล้านบาท
ซึ่งจะเป็นเงินที่มาจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ ในเบื้องต้นบริษัทจะก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าในพื้นที่
สาขาที่ 1 ที่ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2548

รายการระหว่างกันของบริษัท บริษัทย่อย ที่เกิดขึ้นในปี 2547 และในไตรมาส 1 ปี 2548
ก) รายการระหว่างกันที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
1. บริษัทและบริษัทย่อยทำรายการกับบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด (ปัจจุบันบริษัทได้ซื้อทรัพย์สินและโอน
การดำเนินงานมาอยู่ภายใต้ชื่อบริษัท และบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด ได้หยุดการดำเนินธุรกิจแล้ว) ปัจจุบันไม่มี
ยอดคงค้าง
- บริษัทจำหน่ายเหล็กเคลือบสีให้บริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด ในปี 2547 จำนวน 11.30 ล้านบาท และ
ให้บริการรับจ้างตัดและรีดขึ้นลอนหลังคาเหล็กเคลือบสีแก่บริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด ในปี 2547 จำนวน 23.30
ล้านบาท
- บริษัทซื้อสินค้าและวัตถุดิบ จากบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด ในปี 2547 จำนวน 56.32 ล้านบาท ซึ่ง
เป็นการซื้อตามธุรกิจปกติ จำนวน 18.56 ล้านบาท และเป็นการซื้อจากการที่บริษัทได้ซื้อทรัพย์สิน และการดำเนินธุรกิจ
จากบริษัท สยามคัลเลอร์ชึท จำกัด จำนวน 37.76 ล้านบาท
- บริษัทซื้อ (1) ที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 4 ไร่ 75 ตารางวาและ (2) อาคาร 3 หลัง รวม 32.06 ล้านบาท (รวม
ค่าธรรมเนียมการโอนที่ดิน) (3) เครื่องจักรและอุปกรณ์ 9.25 ล้านบาท (4) ยานพาหนะ จำนวน 3 คัน 3.40 ล้านบาท (5)
เครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องใช้สำนักงาน 0.89 ล้านบาท และ (6) งานระหว่างการติดตั้งหลังคาโรงงาน 5.61 ล้านบาท
จากบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด ในปี 2547 จำนวนรวมทั้งสิ้น 51.21 ล้านบาท
- บริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ให้บริการติดตั้งหลังคากับบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด
ในปี 2547 ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 มียอดลูกหนี้การค้า จำนวน 4.79 ล้านบาท
- บริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ซื้อวัสดุสิ้นเปลืองจากบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด
ในปี 2547 ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 มียอดเจ้าหนี้การค้า จำนวน 0.60 ล้านบาท
2. บริษัททำรายการกับบริษัท สินธีรชัย จำกัด (ญาติของนายกริช สุธีรชัย กรรมการของบริษัท เป็นผู้ถือหุ้นใน
บริษัท สินธีรชัย จำกัด 99.09% และในเดือนกุมภาพันธ์ 2548 นายกริช สุธีรชัย ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการในบริษัท
เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน)) ปัจจุบันไม่มียอดคงค้าง
- บริษัทจำหน่ายเหล็กรีดเย็นให้บริษัท สินธีรชัย จำกัด ในปี 2547 มูลค่า 45.38 ล้านบาท
- บริษัทซื้อสินค้าเหล็กนำเข้า ได้แก่ เหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า เหล็กชุบสังกะสี และเหล็กกล้าแรงดึงสูง
ชุบสังกะสี จากบริษัท สินธีรชัย จำกัด ในปี 2547 จำนวน 107.72 ล้านบาท
3. บริษัททำรายการกับบริษัท สตีลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ญาติของนายกริช สุธีรชัย เป็นผู้ถือหุ้นใน
บริษัท สตีลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 96%) ปัจจุบันไม่มียอดคงค้าง
- บริษัทจำหน่ายเหล็กรีดเย็นให้บริษัท สตีลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2547 มูลค่า 46.86
ล้านบาท
- บริษัทซื้อเหล็กชุบสังกะสีจากบริษัท สตีลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2547 มูลค่า 19.42
ล้านบาท
- บริษัทซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์จากบริษัท สตีลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2547 จำนวน 21.86
ล้านบาท
4. บริษัททำรายการกับบริษัท เพิ่มสหายสตีล จำกัด (ญาติของนายกริช สุธีรชัย เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เพิ่มสหายสตีล
จำกัด 60%) ปัจจุบันไม่มียอดคงค้าง
- บริษัทจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนและชนิดแผ่น ให้บริษัท เพิ่มสหายสตีล จำกัด ในปี 2547 จำนวน
1.87 ล้านบาท
5. บริษัททำรายการกับบริษัท เอเซียเมทัล จำกัด (มหาชน) (ญาติของนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ เป็นผู้ถือหุ้นใน
บริษัท เอเซีย เมทัล จำกัด (มหาชน) 68.65%) ปัจจุบันไม่มียอดคงค้าง
- บริษัทซื้อเหล็กแผ่นรีดร้อนจากบมจ. เอเซีย เมทัล ในปี 2547 จำนวน 65.55 ล้านบาท
6. บริษัททำรายการกับบริษัท คอสโมเรครีเอชั่น จำกัด (ญาติของนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ และนายกริช สุธีรชัย
เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท คอสโมเรครีเอชั่น จำกัด 2.35% และ 95 % ตามลำดับ) ปัจจุบันไม่ยอดคงค้าง
- บริษัทซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์จากบริษัท คอสโมเรครีเอชั่น จำกัด ในปี 2547 จำนวน 59.76 ล้านบาท
7. บริษัททำรายการกับบริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด (กรรมการของบริษัทเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท
เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด และในเดือนมกราคม 2548 บริษัทได้ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นของบริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด
ทำให้บริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด เป็นบริษัทย่อย 100% ของบริษัท)
- บริษัทจ้างบริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด เพื่อรื้อและติดตั้งหลังคาของบริษัท ในปี 2547 จำนวน 1.27
ล้านบาท ซึ่งมียอดเจ้าหนี้ คงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2547 จำนวน 1.27 ล้านบาท
8. บริษัทซื้อที่ดินจากนายวีระชัย สุธีรชัย (บิดาของนายกริช สุธีรชัย กรรมการของบริษัท เพิ่มสินสตีล จำกัด
(มหาชน)) ปัจจุบันไม่มียอดคงค้าง
- บริษัทซื้อที่ดิน 3 แปลงซึ่งติดกัน และติดกับที่ดินแปลงที่บริษัทซื้อจากบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด เนื้อที่
รวม 32 ไร่ 65.3 ตารางวา จากนายวีระชัย สุธีรชัย ในปี 2547 จำนวน 64.33 ล้านบาท
9. บริษัทซื้อที่ดินจากนายชูชีพ ยงวงศ์ไพบูลย์ (กรรมการของบริษัท) ปัจจุบันไม่มียอดคงค้าง
- บริษัทซื้อที่ดิน 1 แปลง ติดกับที่ดินแปลงที่บริษัทซื้อจากบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด เนื้อที่ 1 ไร่ 32
ตารางวา จากนายชูชีพ ยงวงศ์ไพบูลย์ ในปี 2547 จำนวน 2.16 ล้านบาท
10. นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการบริษัทค้ำประกันเงินกู้ยืมระยะสั้นให้บริษัท
- บริษัทกู้ยืมเงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน 100.00 ล้านบาท ในปี 2547 โดยมีนายชูเกียรติ
ยงวงศ์ไพบูลย์ และนางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ เป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 บริษัทมียอดเงินกู้ยืม
ระยะสั้น จำนวน 100 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 บริษัทมียอดเงินกู้ยืมระยะสั้น จำนวน 250 ล้านบาท
11. บริษัทซื้อหุ้นบริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด
-ในเดือนมกราคม 2548 บริษัทซื้อหุ้นของบริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท
เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด มูลค่า 1 ล้านบาท ในราคาพาร์ ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ทำให้เกิดค่าความนิยมติดลบ จำนวน
3.95 ล้านบาท ซึ่งแสดงเป็นรายการปรับปรุงจากรายการรวมกิจการที่อยู่ภายใต้การควบคุมเดียวกัน ในส่วนของผู้ถือหุ้น
ของงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2548

ข) รายการระหว่างกันที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
1. บริษัททำรายการกับบริษัท เพิ่มชัยพาณิชย์ จำกัด (ญาติของนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ และนายกริช สุธีรชัย
กรรมการของบริษัท เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เพิ่มชัยพาณิชย์ จำกัด 12% และ 15% ตามลำดับ)
- บริษัทจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนและชนิดแผ่นชั้นรอง ให้บริษัท เพิ่มชัยพาณิชย์ จำกัด ในปี 2547
จำนวน 57.93 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2548 จำนวน 20.24 ล้านบาท ซึ่งมียอดลูกหนี้การค้าค้างชำระ ณ วันที่ 31 มีนาคม
2548 จำนวน 2.75 ล้านบาท
- บริษัทซื้อเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนชั้นหนึ่ง จากบริษัท เพิ่มชัยพาณิชย์ จำกัด ในปี 2547 จำนวน 73.82
ล้านบาท และในไตรมาส 1 ปี 2548 จำนวน 99.48 ล้านบาท ซึ่งมียอดเจ้าหนี้การค้าค้างชำระ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548
จำนวน 106.44 ล้านบาท

ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาการทำรายการระหว่างกันดังกล่าวข้างต้น เห็นว่า
(1) รายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและจะไม่เกิดขึ้นอีก ได้แก่
การขายเหล็กแผ่นรีดเย็น เป็นราคาขายและเงื่อนไขเดียวกับลูกค้าทั่วไปโดยไม่ให้เงื่อนไขพิเศษ
การซื้อเหล็กเป็นการซื้อเมื่อจำเป็น เป็นราคาตลาดและเงื่อนไขปกติ
การซื้อที่ดิน อาคารและเครื่องจักรอุปกรณ์ เป็นราคาใกล้เคียงกับราคาประเมินของผู้ประเมินราคาอิสระ
การกู้เงิน และค้ำประกันโดยกรรมการ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องและมีความสมเหตุสมผล
(2) รายการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกับบริษัท เพิ่มชัยพาณิชย์ จำกัด
การซื้อขายเหล็ก เป็นราคาตลาดและเงื่อนไขการค้าทั่วไป

นโยบายการทำรายการระหว่างกัน
บริษัทและบริษัทย่อยมีการทำรายการระหว่างกันกับบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด บริษัท สินธีรชัย จำกัด บริษัท
สตีลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เพิ่มสหายสตีล จำกัด บริษัท คอสโมเรครีเอชั่น จำกัด และบริษัท เอเซีย เมทัล
จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว บริษัทและบริษัทย่อยจะไม่มีการทำรายการกับบริษัทเหล่านี้อีก สำหรับ
การทำรายการระหว่างกันกับบริษัท เพิ่มชัยพาณิชย์ จำกัด ซึ่งเป็นการทำรายการอย่างต่อเนื่อง เป็นการค้าที่เป็นธุรกิจปกติ
และมีราคาตลาดอ้างอิง อย่างไรก็ตามหากบริษัทและบริษัทย่อยทำรายการระหว่างกันกับบริษัทเหล่านี้ในอนาคต รวมทั้ง
บริษัทอื่นใดที่มีผู้ถือหุ้นเช่นเดียวกับบริษัทดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะถือเสมือนว่าการทำรายการดังกล่าวเป็นการทำรายการ
เกี่ยวโยงกัน และเป็นรายการระหว่างกันกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่งบริษัทจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
รวมตลอดถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการทำรายการเกี่ยวโยงกัน และการได้มาหรือจำหน่ายไป
ซึ่งทรัพย์สินของบริษัทหรือบริษัทย่อย รวมทั้งเปิดเผยรายการระหว่างกันดังกล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินที่ได้
รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีของบริษัท พร้อมทั้งเปิดเผยในรายงานประจำปีของบริษัทและแบบ 56-1 ด้วย

ภาระผูกพัน - ไม่มี -

ปัจจัยเสี่ยง
1. ความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ
+ ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้ผลิตวัตถุดิบรายใหญ่
- เหล็กแผ่นรีดเย็น
ปัจจุบันผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนในประเทศมีเพียง 2 ราย คือ บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด
(มหาชน) (Thai Cold Rolled Steel Sheet Public Company Limited : TCRSS) และบริษัท สยามยูไนเต็ด สตีล (1995)
จำกัด (Siam United Steel (1995) Company Limited : SUS) มีกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วน เท่ากับ 1.0
ล้านตันต่อปี และ 1.2 ล้านตันต่อปีตามลำดับ ซึ่งบริษัทไม่มีความสัมพันธ์กับผู้ผลิตทั้งสองรายดังกล่าว โดยบริษัทสั่ง
ซื้อเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วน จากกลุ่มบริษัทผู้ผลิตทั้งสองราย ซึ่งมูลค่าการจำหน่ายสินค้าจากเหล็กแผ่นรีดเย็น คิดเป็น
ร้อยละ 89.54 ของรายได้รวมในปี 2547 และคิดเป็นร้อยละ 79.69 ของรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2548 จึงทำให้บริษัท
อาจมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบ
อย่างไรก็ตาม หากเกิดภาวะดังกล่าว บริษัทยังสามารถนำเข้าเหล็กแผ่นรีดเย็นจากต่างประเทศได้
- เหล็กเคลือบสี
เหล็กเคลือบสีเป็นวัตถุดิบสำหรับแผ่นหลังคาเหล็กเคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสี ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัท
เริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนพฤศจิกายน 2547 ในไตรมาส 1 ปี 2548 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายแผ่นหลังคาเหล็ก
เคลือบสีและผนังเหล็กเคลือบสีคิดเป็นร้อยละ 15.45 ของรายได้รวม บริษัทซื้อเหล็กเคลือบสีจากบริษัท บลูสโคป สตีล
(ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นผู้ผลิตเหล็กเคลือบสีหนึ่งในสองรายของประเทศ โดยบริษัทจะสั่งซื้อเหล็กเคลือบสีตามสีที่
ลูกค้าต้องการ จึงทำให้บริษัทอาจมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบในกรณีที่ผู้ผลิตไม่สามารถจัดส่งวัตถุดิบให้
กับบริษัทได้ตามกำหนดและบริษัทไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่นเข้ามาทดแทนได้ทัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ
แผนการผลิตสินค้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถนำเข้าเหล็กเคลือบสีจากต่างประเทศได้ดังในอดีตที่เป็นมา
+ ความเสี่ยงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายด้านการแข่งขัน
1) การออกมาตรการคุ้มครองผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนของภาครัฐ
ภาครัฐออกมาตรการชั่วคราวตอบโต้การทุ่มตลาดการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วน แผ่นตัด และ
แผ่นแถบ เพื่อคุ้มครองผู้ผลิตในประเทศจากสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐคาซัคสถาน (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 23 มกราคม
2546 โดยให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด โดยจะสิ้นสุดการคุ้มครองในปี 2551 จากมาตรการความคุ้มครองดังกล่าว
ทำให้ราคาเหล็กแผ่นรีดเย็นจากทั้งสองประเทศมีระดับราคาที่สูงกว่าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่ผลิตในประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ขอวงเงิน L/C ทำให้สามารถสั่งซื้อเหล็กแผ่นรีดเย็นจากต่างประเทศ ในกรณีราคา
นำเข้าถูกกว่าในประเทศ
2) การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)
ปัจจุบันอัตราภาษีอากรขาเข้าเหล็กแผ่นรีดเย็นอยู่ที่ร้อยละ 5 ซึ่ง AFTA กำหนดให้เหล็กแผ่นรีดเย็นเป็น
สินค้าที่ต้องลดภาษีในระยะเวลาปรกติ คือต้องลดภาษีเหลือร้อยละ 0?5 ภายในเวลา 10 ปี ครบกำหนดในปี 2553 ส่งผล
ให้อาจมีราคาเหล็กแผ่นรีดเย็นนำเข้าอาจมีราคาถูกลงในอนาคต และทำให้มีคู่แข่งจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถนำเข้าจากต่างประเทศได้
+ ความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาวัตถุดิบ
ราคาเหล็กแผ่นรีดเย็นมีความผันผวน ตามราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน ซึ่งเป็นผลจากความต้องการใช้เหล็กทั่วโลก
เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา ตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งปัจจัยอื่น เช่น อัตรา
แลกเปลี่ยน อัตราภาษีนำเข้า ซึ่งรวมทั้งการกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทมีความเสี่ยง
หากบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้
สำหรับราคาเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนในประเทศ มีความผันผวนตามราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ซึ่ง
ราคาเหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนมีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีความเสี่ยงหากบริษัทไม่สามารถ
ปรับราคาขายสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทกำหนดราคาขายจากต้นทุนบวกกำไร ทำให้รักษาส่วนต่างได้ และบริษัทจะเรียกเก็บ
เงินค่าสินค้าทันทีเมื่อลูกค้าสั่งสินค้าล่วงหน้า ประกอบกับมีการบริหารปริมาณวัตถุดิบคงคลังที่เหมาะสม
+ ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
บริษัทนำเข้าเหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า และเหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสีชนิดม้วนจากต่างประเทศ ซึ่ง
ราคาวัตถุดิบเหล่านี้จะถูกกำหนดในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตรา
แลกเปลี่ยนจากการซื้อวัตถุดิบเหล่านี้ได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำสัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้า (Forward) ทั้งหมดเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง
ที่อาจเกิดขึ้น
+ ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับการต่อสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่าย Smartruss
บริษัทได้ซื้อทรัพย์สินและโอนการดำเนินธุรกิจของบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด ในเดือนพฤศจิกายน 2547
ทำให้บริษัทได้รับโอนสิทธิ์การตัวแทนจำหน่ายโครงหลังคาบ้าน Smartruss มาด้วย และปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการ
เปลี่ยนชื่อการเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเดิมสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายเป็นการทำสัญญาระหว่างบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท
จำกัด กับบริษัท BHP Steel Lysaght (Thailand) Limited (BHPL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บลูสโคป สตีล
(ประเทศไทย) จำกัด อายุสัญญา 2 ปี ครบกำหนดวันที่ 30 มิถุนายน 2547 และสามารถต่ออายุได้โดยอัตโนมัติและไม่มี
ค่าใช้จ่าย ซึ่งเงื่อนไขในการต่ออายุสัญญา ระบุว่า ตัวแทนจำหน่ายควรมียอดการสั่งซื้อโครงหลังคาขั้นต่ำ จำนวน 100 ตัน
ต่อเดือนและควรมียอดสั่งซื้อในปีสุดท้านของสัญญาไม่น้อยกว่า 100 ตัน หากตัวแทนจำหน่ายไม่สามารถสั่งซื้อยอดขั้นต่ำ
ตามที่กำหนด BHPL มีสิทธิที่จะไม่ต่ออายุสัญญาตัวแทนจำหน่าย และจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท
จำกัดที่ผ่านมา ยอดการจำหน่ายของ Smartruss ไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดในสัญญา ดังนั้นบริษัทจึงอาจมีความเสี่ยง
จากการไม่ได้รับการต่อสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายโครงหลังหา Smartruss
อย่างไรก็ตามการกำหนดยอดสั่งซื้อขั้นต่ำเป็นเพียงการกระตุ้นให้ตัวแทนจำหน่ายพยายามทำการตลาดของ
Smartruss ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในตลาด เนื่องจากโครงสร้างหลังคาบ้าน Smartruss เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่งเริ่ม
ทำการตลาดในประเทศ และจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัดที่ผ่านมา ยอดการจำหน่ายของ
Smartruss ในปี 2547 เท่ากับ 200,000 บาท คิดเป็นประมาณ 5 ตัน ซึ่งไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดในสัญญา แต่บริษัท
สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด ยังได้รับการต่อสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายโครงหลังคา Smartruss อยู่

2. ความเสี่ยงด้านการบริหาร การจัดการ
+ ความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นรวมกันมากกว่าร้อยละ 50
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 กลุ่มนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ถือหุ้นรวมกันในบริษัทร้อยละ 76.99 ของจำนวน
หุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท และภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลง
เหลือร้อยละ 61.59 ของทุนจดทะเบียนจำนวน 500 ล้านบาท จึงทำให้กลุ่มนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์สามารถควบคุม
มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้เกือบทั้งหมด
+ ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้บริหาร
เนื่องจากการประกอบธุรกิจของบริษัทอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้บริหารหลักและคู่ค้าที่เกี่ยวข้องทั้ง
ผู้จัดหาวัตถุดิบ (Supplier) และลูกค้า ทำให้บริษัทสามารถจัดหาแหล่งวัตถุดิบได้ในราคาถูกและทราบการเปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยีการผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ ๆ ทำให้บริษัทอาจได้รับผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท หาก
บริษัทสูญเสียผู้บริหารหลัก

กรณีพิพาท - ไม่มี -

จำนวนพนักงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 จำนวน 316 คน

ประวัติความเป็นมาโดยสรุป
ปี 2532 บริษัทจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดเย็นโดยการนำเข้าจากต่างประเทศ
ปี 2537 บริษัทได้ทำการติดตั้งเครื่องจักร สำหรับตัดเหล็ก (Cut-to-Length) เพื่อให้บริการตัดเหล็กแผ่นตาม
ความต้องการของลูกค้า
ปี 2539 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ก่อตั้งบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด เพื่อดำเนินการผลิต ผลิตภัณฑ์หลังคา
เหล็ก (Roll Forming Metal Sheet) ภายใต้เครื่องหมายการค้า Suntech
ปี 2540 บริษัทได้ติดตั้งเครื่องจักรสำหรับการตัด (Cutting Sheet) เพิ่มจำนวน 4 เครื่องและเครื่องจักรสำหรับ
การตัดเหล็กเป็นแถบเล็ก (Slitting Coil) จำนวน 2 เครื่อง ทำให้บริษัทสามารถแปรรูปได้อย่างเต็ม
รูปแบบ (Full Scale)
ปี 2543 ก่อสร้างโรงงานสาขาที่ 1 ที่ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่รวม 6 ไร่
ปี 2545 บริษัทได้เริ่มส่งออกสินค้าเหล็กไปจำหน่ายต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเซีย
ปี 2546 บริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายโครงหลังคาบ้าน Smartruss จากบริษัท BHP
Steel Lysaght (Thailand) Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บลูสโคป สตีล (ประเทศไทย)
จำกัด Smartruss เป็นระบบโครงหลังคาบ้านแบบใหม่
ปี 2547 บริษัทได้เพิ่มทุนเป็น 300 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและ
ซื้อทรัพย์สินจากบริษัท สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด (ถือหุ้นโดยกลุ่มนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ซึ่งเป็น
ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท)
ปี 2548 เดือนมกราคม เพิ่มทุนเป็น 400 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุน
เวียน และบริษัทได้ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม
คือ กลุ่มนายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท เดือนมีนาคม เพิ่มทุน
จดทะเบียนเป็น 500 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (PAR) จากราคาหุ้นละ 100 บาท เป็น
ราคาหุ้นละ 1 บาท โดยกำหนดให้มีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ออกใหม่แก่ประชาชน จำนวน 100
ล้านหุ้น และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด

เงินลงทุนในบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 ปรากฏดังนี้
บริษัทร่วม/บริษัทที่เกี่ยวข้อง
หน่วย: ล้านบาท
ประเภทกิจการ มูลค่าเงินลงทุน
ชื่อบริษัท และลักษณะธุรกิจ ทุนชำระแล้ว ร้อยละของหุ้นที่ถือ (ตามราคาทุน)
1. บริษัท เอส.ซี.สตีลเวอร์ค จำกัด บริการติดตั้งหลังคาเหล็ก 10 ล้านบาท 100 10 ล้านบาท

การเพิ่ม (ลด) ทุนในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา
หน่วย: ล้านบาท
วัน/เดือน/ปี ทุนที่ (ลด) เพิ่ม หลังเพิ่ม (ลด) ทุน หมายเหตุ/วัตถุประสงค์การใช้เงิน
12 ตุลาคม 2547 94 ล้านบาท 100 ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียน
8 พฤศจิกายน 2547 200 ล้านบาท 300 ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนและซื้อทรัพย์สินจากบริษัท
สยามคัลเลอร์ชีท จำกัด
7 มกราคม 2548 100 ล้านบาท 400 ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนและซื้อหุ้นบริษัท เอส.ซี.
สตีลเวอร์ค จำกัด

รอบระยะเวลาบัญชี 1 มกราคม ? 31 ธันวาคม

ผู้สอบบัญชี นายประดิษฐ์ ลอดรอยทุกข์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หมายเลข 218 บริษัท เอเอสที
มาสเตอร์ จำกัด

นายทะเบียนหุ้น บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด

ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน)

นโยบายการจ่ายเงินปันผล
บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี

บัตรส่งเสริมการลงทุน - ไม่มี -

จำนวนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2548 ปรากฏดังนี้
จำนวนราย จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำระแล้ว
1. ผู้ถือหุ้นสามัญที่เป็น Strategic shareholders
1.1 รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ - - -
1.2 กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง 10 351,968,600 70.39
และบุคคลที่มีความสัมพันธ์
1.3 ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้น > 5 % โดยนับรวมผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย - - -
1.4 ผู้มีอำนาจควบคุม - - -
1.5 ผู้ถือหุ้นที่มีข้อตกลงในการห้ามขายหุ้นภายในเวลาที่กำหนด1/ - - -
2. ผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยที่ถือไม่ต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย 1,709 148,031,400 29.61
3. ผู้ถือหุ้นสามัญที่ถือต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย - - -
รวมผู้ถือหุ้นสามัญทั้งสิ้น 1,719 500,000,000 100.00
หมายเหตุ 1/ หมายถึง กลุ่มผู้ถือหุ้นที่มีข้อตกลงการห้ามขายหุ้นภายในกลุ่ม นอกเหนือจากหุ้นที่ต้องนำฝาก Silent Period

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2548
ชื่อ จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำระแล้ว
1. นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ 215,950,000 43.19
2. นางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ 60,000,000 12.00
3. นายชูชีพ ยงวงศ์ไพบูลย์ 24,000,000 4.80
4. บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ 15,000,000 3.00
5. นายสิงหนาท บัตรสมบูรณ์ 12,000,000 2.40
6. นางสาวเบญจมาศ บัตรสมบูรณ์ 10,017,600 2.00
7. นางสาวณัฐธยา สอนสุรินทร์ 10,000,000 2.00
8. นางสาวศุภวรรณ สมรรถชัยศรี 10,000,000 2.00
9. STAR BLAZE VENTURE LIMITED* 10,000,000 2.00
10. นายสมศักดิ์ หวังนวกิจ 10,000,000 2.00
รวม 376,967,600 75.39
หมายเหตุ * เป็นหุ้นที่จัดสรรให้แก่ Steel Canada Limited ซึ่งเป็นคู่ค้าของบริษัท โดยเป็นการลงทุนผ่าน Star Blaze
Venture Limited

ผู้ถือหุ้นต่างด้าว ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2548
บริษัทมีผู้ถือหุ้นต่างด้าว 21 ราย
ถือหุ้นรวมกัน 11,531,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.31 ของทุนจดชำระแล้ว
หมายเหตุ บริษัทมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างด้าวตามข้อบังคับของบริษัท
ข้อ 5 ว่า หุ้นของบริษัทโดยได้โดยไม่มีข้อจำกัด เว้นแต่การโอนหุ้นที่มีผลให้
บุคคลที่มิได้มีสัญชาติไทยถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสี่สิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่าย
ได้แล้วทั้งหมด

คณะกรรมการ
ชื่อ-สกุล ตำแหน่ง วันที่ดำรงตำแหน่ง
1. นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการ/ กรรมการผู้จัดการ 27 ตุลาคม 2532
2. นางชไมพร ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการ / เลขานุการบริษัท/ 27 ตุลาคม 2532
ผู้อำนวยการด้านบัญชีและการเงิน
3. นายสุกิจ เงาวิศิษฎ์กุล กรรมการ/ ผู้อำนวยการด้านการตลาด 15 กรกฎาคม 2547
4. นายสิงหนาท บัตรสมบูรณ์ กรรมการ/ ผู้จัดการฝ่ายผลิต 1 15 กรกฎาคม 2547
5. นายชูชีพ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการ/ ผู้อำนวยการด้านการผลิต 1 มิถุนายน 2535
6. พล.อ. ดร. มนตรี ศุภาพร ประธานกรรมการตรวจสอบ / กรรมการอิสระ 16 กุมภาพันธ์ 2548
7. พล.ต.ต. สหัสชัย อินทรสุขศรี กรรมการตรวจสอบ / กรรมการอิสระ 16 กุมภาพันธ์ 2548
8. นายกันต์ อรรฆย์วรวิทย์ กรรมการตรวจสอบ / กรรมการอิสระ 16 กุมภาพันธ์ 2548

คณะกรรมการตรวจสอบ
ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2548 ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ

รายนามคณะกรรมการตรวจสอบ
พล.อ.ดร. มนตรี ศุภาพร ประธานกรรมการตรวจสอบ
พล.ต.ต. สหัสชัย อินทรสุขศรี กรรมการตรวจสอบ
นายกันต์ อรรฆย์วรวิทย์ กรรมการตรวจสอบ

ขอบเขต หน้าที่ และความรับผิดชอบ
1. สอบทานให้บริษัทมีการรายงานทางการเงินอย่างถูกต้องและเปิดเผยอย่างเพียงพอ โดยการประสานงานกับ
ผู้สอบบัญชีภายนอกและผู้บริหารที่รับผิดชอบจัดทำรายงานทางการเงินทั้งรายไตรมาสและประจำปี คณะกรรมการ
ตรวจสอบอาจเสนอแนะให้ผู้สอบบัญชีสอบทานหรือตรวจสอบรายการใด ๆ ที่เห็นว่าจำเป็นและเป็นเรื่องสำคัญใน
ระหว่างการตรวจสอบบัญชีของบริษัทก็ได้
2. สอบทานให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายใน (Internal Control) และการตรวจสอบภายใน (Internal Audit)
ที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิผล โดยสอบทานร่วมกับผู้สอบบัญชีภายนอกและผู้ตรวจสอบภายใน
3. สอบทานการปฎิบัติงานของบริษัทให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนด
ของตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทรัพย์
4. พิจารณา คัดเลือก เสนอแต่งตั้งและเสนอค่าตอบแทนผู้สอบบัญชีของบริษัท รวมถึงพิจารณาเสนอค่าตอบแทน
ของผู้สอบบัญชีโดยคำนึงถึงความน่าเชื่อถือ ความเพียงพอของทรัพยากร และปริมาณงานตรวจสอบของสำนักงาน
ตรวจสอบบัญชีนั้น รวมถึงประสบการณ์ของบุคลากรที่ได้รับมอบหมายให้ทำการตรวจสอบบัญชีของบริษัท
5. พิจารณาการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทในกรณีที่เกิดรายการเกี่ยวโยง หรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทาง
ผลประโยชน์ให้มีความถูกต้องและครบถ้วน
6. จัดทำรายงานการกำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท
ซึ่งรายงานดังกล่าวลงนามโดยประธานกรรมการตรวจสอบ รายการดังกล่าวควรประกอบด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้
- ความเห็นเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำและการเปิดเผยข้อมูลในรายงานทางการเงินของบริษัทถึงความถูกต้อง
ครบถ้วน เป็นที่เชื่อถือได้
- ความเห็นเกี่ยวกับความเพียงพอของระบบการควบคุมภายในของบริษัท
- เหตุผลที่เชื่อว่าผู้สอบบัญชีของบริษัทเหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งต่อไปอีกวาระหนึ่ง
- ความเห็นเกี่ยวกับการปฎิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดของตลาด
หลักทรัพย์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท
- รายงานอื่นใดที่เห็นว่าผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปควรทราบ ภายใต้ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบที่ได้
รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท
7. ปฎิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายด้วยความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบ เช่น
ทบทวนนโยบายการบริหารทางการเงินและการบริหารความเสี่ยง ทบทวนการปฏิบัติตามจรรยาบรรณทางธุรกิจของ
ผู้บริหาร ทบทวนร่วมกับผู้บริหารของบริษัทในรายงานสำคัญ ๆ ที่ต้องเสนอต่อสาธารณชนตามที่กฎหมายกำหนด
ได้แก่ บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร เป็นต้น

วาระการดำรงตำแหน่ง
1. ประธานกรรมการตรวจสอบ 3 ปี
2. กรรมการตรวจสอบ 3 ปี
(รวมทั้งการแต่งตั้งเพิ่มและถอดถอนจากกรรมการตรวจสอบ)

เงื่อนไขในการรับหลักทรัพย์
1. กำหนดให้บริษัทปฏิบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยรายการที่เกี่ยวโยงกัน
เมื่อบริษัทมีการทำรายการกับบริษัทที่เกี่ยวข้องดังนี้ บริษัท สินธีรชัย จำกัด บริษัท สตีลเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท เพิ่มสหายสตีล จำกัด บริษัท เอเซียเมทัล จำกัด (มหาชน) บริษัทคอสโมเรครีเอชั่น จำกัด และบริษัท เพิ่มชัย
พาณิชย์ จำกัด รวมถึงบริษัทที่บริษัทเพิ่มชัยพาณิชย์ จำกัด มีอำนาจควบคุม และบริษัทอื่นใดที่มีผู้ถือหุ้นเช่นเดียวกับ
บริษัทดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามที่บริษัทได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน
2. ให้ตัดข้อบังคับของบริษัทข้อ 6 เนื่องจากไม่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
(ประเทศไทย) จำกัด ภายหลังจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว โดยให้ส่งสำเนาข้อบังคับ
ฉบับที่แก้ไขแล้วต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใน 14 วันนับแต่วันที่จดทะเบียนแก้ไขข้อบังคับกับกระทรวง
พาณิชย์แล้วเสร็จ

ระยะเวลาห้ามจำหน่ายหุ้น
ผู้มีส่วนร่วมในการบริหารของบริษัทที่ถือหุ้นจำนวน 325,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 65.00 ของทุนชำระแล้วหลังการ
เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าจะไม่นำหุ้นจำนวนดังกล่าวออกจำหน่ายเป็นระยะเวลา
1 ปี 6 เดือน นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาทุกๆ
6 เดือน ผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทยอยขายหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของ
จำนวนหุ้นหรือหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย และเมื่อครบกำหนด 1 ปี 6 เดือนสามารถขายส่วนที่เหลือได้ทั้งหมด

การผ่อนผันของตลาดหลักทรัพย์ - ไม่มี -

อื่น ๆ ที่สำคัญ (ถ้ามี) - ไม่มี -

สถิติ
บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน)
|---------- พันบาท --- ------ | ---------------- บาท/หุ้น ----------------|
ปี รายได้จากการขาย กำไร(ขาดทุน)สุทธิ กำไร(ขาดทุน)สุทธิ เงินปันผล มูลค่าหุ้น เงินปันผล
รายได้จากงานบริการ ตามบัญชี ต่อกำไร(%)
2545 960,406.75 3,003.11 50.05 - 2.33* -
2546 1,214,665.17 5,848.30 97.47 - 2.65* -
2547 1,661,852.15 49,671.29 69.64 - 1.20* -
2548 ไตรมาส 1 608,424.61 44,576.24 0.12 - 1.26 -
หมายเหตุ : * ปรับมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 100.00 บาทเป็นหุ้นละ 1.00 บาท

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
|---------- พันบาท --- ------ | ---------------- บาท/หุ้น ----------------|
ปี รายได้จากการขาย กำไร(ขาดทุน)สุทธิ กำไร(ขาดทุน)สุทธิ เงินปันผล มูลค่าหุ้น เงินปันผล
รายได้จากงานบริการ ตามบัญชี ต่อกำไร(%)
2548 ไตรมาส 1 616,297.06 44,576.24 0.12* - 1.27* -
หมายเหตุ : * มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี สำหรับปี สิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2545 - 2547 และงวดสามเดือน สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2548
(หน่วย: พันบาท)
งบดุล 2545 % 2546 % 2547 % 2548 ไตรมาส 1 %
สินทรัพย์
สินทรัพย์หมุนเวียน
เงินสดและเงินฝากธนาคาร 18,269.68 4.22 25,205.29 5.88 99,835.33 8.84 15,144.31 1.62
ลูกหนี้การค้าสุทธิ
-กิจการที่เกี่ยวข้อง - - 22,149.54 5.16 26,647.49 2.36 3,523.26 0.51
-กิจการอื่น 280,496.24 64.86 262,304.21 61.15 314,269.12 27.82 364,905.60 25.16
เงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่บุคคล 10,200.00 2.36 - - - - - -
หรือกิจการเกี่ยวข้องกัน
สินค้าคงเหลือ 99,279.44 22.96 70,597.19 16.46 334,303.86 29.59 611,807.96 41.68
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 888.97 0.21 723.22 0.17 66,946.21 5.93 80,708.20 5.56
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 409,134.33 94.61 380,979.44 88.82 842,002.01 74.53 1,076,089.32 74.55
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
เงินฝากที่ติดภาระค้ำประกัน - - - - 611.47 0.05 15,361.47 1.05
เงินลงทุนในบริษัทย่อย - - - - - - 10,721.83
ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ - สุทธิ 22,678.58 5.24 46,364.97 10.81 280,423.87 24.82 316,393.12 21.62
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 648.02 0.15 1,611.40 0.38 6,639.60 0.59 40,830.50 2.78
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 23,326.60 5.39 47,976.37 11.18 287,674.94 25.47 383,306.93 25.45
รวมสินทรัพย์ 432,460.93 100.00 428,955.81 100.00 1,129,676.95 100.00 1,459,396.24 100.00
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น
หนี้สินหมุนเวียน
เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน - - - - 100,000.00 8.85 264,191.32 18.00
เจ้าหนี้การค้า
- บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - - 303,405.88 70.73 60,619.29 5.37 106,439.52 7.29
- อื่น ๆ 416,615.28 96.34 100,070.97 23.33 365,241.95 32.33 516,803.04 35.27
เจ้าหนี้อื่น
- บุคคลและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - - - - 195,000.15 17.26 - -
- อื่น ๆ - - 5.29 0.00 17,678.21 1.56 12,684.19 0.86
หนี้สินภายใต้สัญญาเช่าซื้อ - - 802.82 0.19 853.36 0.08 1,591.93 0.13
ส่วนที่ครบกำหนดชำระภายในหนึ่งปี
เงินกู้ยืมระยะยาว ส่วนที่ครบกำหนด - - 628.19 0.15 640.88 0.06 - -
ชำระภายในหนึ่งปี
ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย - - 201.53 0.05 1,758.85 0.16 982.47 0.10
ภาษีเงินได้ค้างจ่าย - - 3,011.22 0.70 19,357.19 1.71 38,239.56 2.67
หนี้สินหมุนเวียนอื่น 1,870.13 0.43 611.45 0.14 6,472.47 0.57 11,703.17 0.86
รวมหนี้สินหมุนเวียน 418,485.42 96.77 408,737.35 95.29 767,622.34 67.95 952,635.19 65.18
หนี้สินไม่หมุนเวียน
หนี้สินภายใต้สัญญาเช่าซื้อ-สุทธิ - - 2,618.23 0.61 1,423.97 0.13 2,605.21 0.20
เงินกู้ยืมระยะยาว-สุทธิ - - 1,691.91 0.39 1,051.03 0.09 - -
รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน - - 4,310.14 1.00 2,475.00 0.22 2,605.21 0.20
รวมหนี้สิน 418,485.42 96.77 413,047.49 96.29 770,097.34 68.17 955,240.40 65.38
ส่วนของผู้ถือหุ้น
ทุนจดทะเบียน 6,000.00 6,000.00 300,000.00 500,000.00
ทุนเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว 6,000.00 1.39 6,000.00 1.40 300,000.00 26.56 400,000.00 27.25
กำไร (ขาดทุน) สะสมยังไม่จัดสรร 7,975.51 1.84 9,908.32 2.31 59,579.61 5.27 104,155.85 7.10
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 13,975.51 3.23 15,908.32 3.71 359,579.61 31.83 504,155.85 34.62
รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 432,460.93 100.00 428,955.81 100.00 1,129,676.95 100.00 1,459,396.24 100.00

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี สำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2548
(หน่วย: พันบาท)
งบดุล 2548 ไตรมาส 1 %
สินทรัพย์
สินทรัพย์หมุนเวียน
เงินสดและเงินฝากธนาคาร 23,830.43 1.62
ลูกหนี้การค้าสุทธิ
-กิจการที่เกี่ยวข้อง 7,544.01 0.51
-กิจการอื่น 369,335.75 25.16
สินค้าคงเหลือ 611,807.96 41.68
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 81,671.56 5.56
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน 1,094,189.70 74.55
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
เงินฝากที่ติดภาระค้ำประกัน 15,361.47 1.05
ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ - สุทธิ 317,401.98 21.62
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น 40,830.50 2.78
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน 373,593.95 25.45
รวมสินทรัพย์ 1,467,783.65 100.00
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น
หนี้สินหมุนเวียน
เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 264,191.32 18.00
เจ้าหนี้การค้า
- บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน 107,041.44 7.29
- อื่น ๆ 517,620.54 35.27
เจ้าหนี้อื่น
- อื่น ๆ 12,684.19 0.86
หนี้สินภายใต้สัญญาเช่าซื้อ 1,887.29 0.13
ชำระภายในหนึ่งปี
ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย 1,413.56 0.10
ภาษีเงินได้ค้างจ่าย 39,200.16 2.67
หนี้สินหมุนเวียนอื่น 12,688.01 0.86
รวมหนี้สินหมุนเวียน 956,726.50 65.18
หนี้สินไม่หมุนเวียน
หนี้สินภายใต้สัญญาเช่าซื้อ-สุทธิ 2,949.80 0.20
รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน 2,949.80 0.20
รวมหนี้สิน 959,676.30 65.38

ส่วนของผู้ถือหุ้น
ทุนจดทะเบียน 500,000.00
ทุนเรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว 400,000.00 27.25
รายการปรับปรุงจากรายการรวมกิจการที่อยู่ภายไต้การควบคุมเดียวกัน 3,951.51 0.27
กำไร (ขาดทุน) สะสมยังไม่จัดสรร 104,155.85 7.10
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น 508,107.36 34.62
รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 1,467,783.65 100.00

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี สำหรับปี สิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2546 - 2547และงวดสามเดือน สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2548
(หน่วย: พันบาท)
งบกระแสเงินสด 2546 2547 2548 ไตรมาส 1
กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงาน 2,712.80 (289,435.44) (286,740.23)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน (4,314.17) (59,119.71) (52,445.06)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมการจัดหาเงิน (706.21) 263,864.13 263,180.39
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (เพิ่มขึ้น) ลดลง (2,307.58) (84,691.02) (76,004.90)
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ต้นปี 25,205.29 99,835.33 99,835.33
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ปลายปี 22,897.71 15,144.31 23,830.43

จัดทำโดย บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน)

 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#1 วันที่: 05/09/2005 @ 15:57:03 : re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-2)
บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน)

สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2548 2547 2548 2547

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 54,264 98,840
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.15 0.27

ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อสังเกต


หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุ
ประกอบงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์

ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบ
การเงินฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน
ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว

ลงลายมือชื่อ _______________________
( )
ตำแหน่ง
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#2 วันที่: 05/09/2005 @ 15:58:32 : re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
สรุปข้อชี้แจงถึงสาเหตุผลการดำเนินการ งวด หกเดือน ปี 2548 สูกกว่าการดำเนินการงวดเดียวกัน
ของ ปี 2547 เกินกว่า 20%

ผลการดำเนินการงวดหกเดือน ปี 2548 แสดงผลกำไรสุทธิ 98.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนาน
75.50 เมือเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี2547 เป็นผลสืบเนื่องจากสาเหตุใหญ่
ๆ ดังนี้
1. บรืษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้ 351.79 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบ
กับงวดเดียวกันของปี 2547 โดยหกเดือนแรกของ ปี 2548 รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น
ซึ่งมีสาเหตุจากปัจจัยดังนี้
1.1 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก บริการและผลิตภัณฑ์เดิมของบริษัท คือเหล็กรีดเย็น มียอด
จำหน่ายสูงถึง 963.89 ซึ่งสูงกว่าในงวดเดียวกัน ในปีรที่แล้วถึง 156.49 ล้านบาท
1.2 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทได้มีหลังคาเหล็กเคลือบสี มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น ใน
งวดหกเดือนแรก ของปี 2548 จำนวนทั้งสิ้น 195.30 ล้านบาท
2. ต้นทุนขายและบริการที่เพิ่มขึ้นจำนวน 218.19 ล้านบาทนั้นสืบเนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่ม
ขึ้นมในข้อ 1 และราคาขายที่สูงขึ้นจึงส่งผลทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายใน
การขายและบริหารของบริษัทเพิ่มขึ้น 30.48 ล้านบาท เนื่องจากนโยบายการจัดการด้านการบริหาร
ต้นทุน
3. บริษัทมีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคสำหรับคร่งปีแรก จำนวน 33.18 ล้านบาท
ดังนั้นจึงมีผลทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานในงวด หกเดือนในปี 2548 สูงกว่าผลการดำเนินงานใน
งวดเดียวกันของปี 2547 เกินกว่าร้อยละ 20



ขอแสดงความนับถือ


(นายชูเกียรติ ยงวงศ์
ไพบูลย์)
กรรมการผู้จัดการ
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#3 วันที่: 05/09/2005 @ 16:01:13 : re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
ส่วนเหล็กเก่าๆ กำลังจะนำมาขัดสนิม ให้ดูใหม่ พอให้แวววาวบ้าง .0005
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#4 วันที่: 05/09/2005 @ 16:35:29 : re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
อย่าลืม เงินกู้จากเจบิก สำหรับโครงการณ์ ด้วยล่ะ ยิ่งพวกญี่ปุ่นชาตินิยมซะด้วย .0008
 กลับขึ้นบน
ส้ม
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 96
#5 วันที่: 06/09/2005 @ 11:18:35 : re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
เอาให้วาววับเลยนะคะ .0000
 กลับขึ้นบน
am
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 123
#6 วันที่: 07/09/2005 @ 09:35:40 : re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
.
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#7 วันที่: 09/09/2005 @ 08:37:44 : Re: re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
[quote:aa11cc5179=am">Sawadee kab

.0009[/quote:aa11cc5179">LOXLEY .0005
 กลับขึ้นบน
U
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 271
#8 วันที่: 09/09/2005 @ 09:01:54 : Re: re: เกี่ยวกับเหล็ก PERM
[quote:b8287d2de8=ส้ม">เอาให้วาววับเลยนะคะ .0000[/quote:b8287d2de8">จ้ะ......ส้มBSBM .0003

nsm ms ssi siam............................. .0009
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com