March 28, 2024   11:52:33 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ไทเก้น จ้องควบ RAIMON-GRAND
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 17/02/2006 @ 17:02:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ภาพการรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหม่ ของ กลุ่มไทเก้น กระจ่างชัดขึ้นมาทุกขณะ หลังเข้าถือหุ้นใน ไรมอน แลนด์ และ แกรนด์ แอสเสท ขณะที่นักวิเคราะห์ให้จับตา เกมต่อยอดธุรกิจ อาจเกิดดีลใหญ่ควบกิจการ RAIMON-GRAND เพื่อปูทางไปสู่หนึ่งในผู้นำ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย [/color:ad30916fea">

การ มูฟ ของ 2 พี่น้องแห่งตระกูลไทเก้น โฟรเด้ ไทเก้น และ โอเล่ย์ ไทเก้น หลังทิ้งธุรกิจเดินเรือสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเข้าลงทุนใน บริษัท ไรมอน แลนด์ (RAIMON) และ บริษัท แกรนด์ แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ (GRAND) สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้บริหาร เพื่อผลักดันสู่หนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์คุณภาพในอนาคต

ล่าสุด (เดือนกุมภาพันธ์ 2549) กลุ่มไทเก้น สะสมหุ้น RAIMON เข้าพอร์ตแล้ว 501.03 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 37.13% ผ่าน โฟรเด้ ไทเก้น ,โอเล่ย์ ไทเก้น และ บริษัท เกษตรสมุทร

โดยกลุ่มไทเก้นลงทุนใน ไรมอน แลนด์ ผ่าน โอเล่ย์ ไทเก้น จำนวน 207.54 ล้านหุ้น สัดส่วน 15.38% ลงทุนผ่าน โฟรเด้ ไทเก้น จำนวน 249.23 ล้านหุ้น สัดส่วน 18.47% และลงทุนผ่าน บริษัท เกษตรสมุทร จำนวน 44.24 ล้านหุ้น สัดส่วน 3.28%

ขณะเดียวกัน สองพี่น้องตระกูลไทเก้น ได้สะสมหุ้น GRAND เข้าพอร์ตเพิ่มอีก 50 ล้านหุ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549 กลุ่มไทเก้น ได้เก็บหุ้นที่ดินตัวนี้เพิ่มอีกจำนวน 50 ล้านหุ้น ผ่านการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงของแกรนด์ แอสเสท ให้แก่ โฟรเด้ ไทเก้น จำนวน 25 ล้านหุ้น และ โอเล่ย์ ไทเก้น จำนวน 25 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง กล่าวกับ น.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ให้จับตาเกมใหม่ของกลุ่มไทเก้น อาจนำไปสู่การเกิดดีลใหญ่ใน 2 ประเด็นด้วยกัน กล่าวคือ...

หนึ่ง.. มีความเป็นไปได้ว่า หลังจากที่กลุ่มไทเก้นได้เก็บหุ้น RAIMON เข้าพอร์ต จนปัจจุบันได้ถือเกินสัดส่วน 25% แล้ว ซึ่งตามกฎของ ก.ล.ต. จะต้องมีการทำ เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ หรือ ทำคำเสนอซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายย่อยในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน

นอกจากนั้น หากพิจารณาจากทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัท กับจำนวนหน่วยวอร์แรนท์ที่กลุ่มไทเก้น ถือหุ้นจำนวนมาก คาดว่าเมื่อทำการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ จะทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นสูงขึ้น...

ถ้าดูจากทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วมีอยู่เพียง 1,349.58 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มไทเก้นถือวอร์แรนท์อยู่ในมือมากถึง 200 ล้านหน่วย และเมื่อปลายปี 2548 กลุ่มนี้ได้แปลงสภาพแล้วคิดเป็นมูลค่า 750 ล้านบาท รวมกับจำนวนหุ้นสามัญที่ถืออยู่ในสัดส่วนราว 37% คิดว่าจะทำให้กลุ่มไทเก้นเข้ามาเทคโอเวอร์ไรมอนด์ แลนด์ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในบริษัททันที นักวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์

จากนั้นมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเกิดการควบรวมกิจการของ ไรมอนด์ แลนด์ เข้ากับ แกรนด์ แอสเสท เนื่องจากกลุ่มถือหุ้นใหม่เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยหลังจากกลุ่มไทเก้นได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนใหม่ บวกกับหุ้นเดิมที่ถืออยู่ก่อนหน้า อาจทำให้เกิดการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ก็เป็นได้หากถือเกิน 25% และท่าทีของ พงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ก็ต้องการหาพันธมิตรร่วมลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ

สอง..มีความเป็นไปได้อีกว่า บริษัท ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ ของ เจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บนถนนสุขุมวิท ก็ให้ความสนใจจะเข้ามาซื้อหุ้นไรมอนด์ แลนด์ อีกกลุ่มหนึ่งด้วยเช่นกัน

เนื่องจากไรมอนด์ แลนด์ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง กลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกันกับที.ซี.ซี. และไรมอนด์ เองก็มีมูลค่าสินทรัพย์จำนวนมาก จึงเป็นที่ดึงดูดใจของกลุ่มผู้ลงทุนรายใหม่

ขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้นเดิมอย่าง บล.ซีมิโก้ ที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ราว 22.69% ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีการขายเงินลงทุนในไรมอนด์ แลนด์ ออกไป เพื่อทำกำไร เพราะบล.ซีมิโก้ เป็นนักลงทุน ไม่ใช่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ด้าน กิตติ ตั้งศรีวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร และหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไรมอน แลนด์ กล่าวเพียงว่า บล.ซีมิโก้ จะยังคงถือหุ้นในไรมอนด์แลนด์ ต่อไป และขณะนี้ก็ยังไม่สัญญาณอะไรชี้ว่าบริษัทจะขายเงินลงทุนออกไป เนื่องจากที่ผ่านมา บล.ซีมิโก้ เองก็มีกำไรและได้รับเงินปันผลมาโดยตลอด

ส่วนกลุ่มไทเก้นนั้น หลังจากที่เข้าหุ้นในโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ออกไปและมูฟมายังบริษัท อาจเป็นเพราะเขามองเห็นศักยภาพในธุรกิจของเราและเห็นโอกาสของธุรกิจที่ดีในอนาคต จึงย้ายพอร์ตลงทุนมา ซึ่งที่ผ่านมาเขาได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนและแปลงสภาพวอร์แรนท์มาโดยตลอด เชื่อว่าเมื่อกลุ่มนี้เข้ามาจะช่วยเหลือในด้านต่างๆ ของบริษัทในอนาคต

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2549 นั้น กิตติ กล่าวว่า บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียม ระดับเกรด A ที่จะเปิดตัวใหม่ 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการ นอร์ธ พ้อยท์ บนหาดวงอะมาตย์ พัทยาเหนือ จำนวน 350 ยูนิต คาดว่าจะเปิดตัวโครงการได้ราวเดือนมิถุนายน 2549 มูลค่าโครงการ 3.5 พันล้านบาท

อีกโครงการคือ โครงการคอนโดมิเนียม ระดับเกรด A บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโครงการของบริษัทลูก คือ บริษัท ตากสิน โฮเทล โฮลดิ้ง โดยไรมอนด์ แลนด์ ถือหุ้นในสัดส่วน 60% บนถนนเจริญนคร คาดว่าจะเปิดตัวได้ราวไตรมาส 4 มูลค่าโครงการ 7 พันล้านบาท

นอกจากนั้น ไรมอนแลนด์ ยังอยู่ระหว่างการขายโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โครงการเดอะลอฟท์ เย็นอากาศ จำนวน 176 ยูนิต ซึ่งได้เปิดขายไปแล้ว 50% คาดว่าจะขายหมดในปีไตรมาส 4 ปี 2550 มูลค่าโครงการ 1.25 พันล้านบาท และโครงการเดอะไฮทส์ บนหาดกะตะ จ.ภูเก็ต จำนวน 51 ยูนิต ได้เปิดขายไปแล้ว 31% คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ไตรมาส 1 ปี 2551 มูลค่าโครงการ 1.15 พันล้านบาท

เราประมาณการว่ารายได้จากโครงการใหม่ จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไป ส่วนในปีนี้ยังมีรายได้ส่วนที่เหลือจากโครงการเก่า 3 โครงการ คือ โครงการนอร์ทชอร์ พัทยา ที่จะรับรู้รายได้ปีนี้อีก 400 ล้านบาท โครงการกะตะ การ์เด้นส์ จำนวน 235 ล้านบาท และโครงการ เดอะรีเจ้นท์ ศาลาแดง อีก 100 ล้านบาท รวมกับโครงการเดอะลอฟท์ เย็นอากาศ และเดอะไฮทส์ ที่จะเข้าสู่บริษัทในปีนี้

โดย กิตติ คาดการณ์ว่า ผลการดำเนินงานของ ไรมอนด์ แลนด์ ในปี 2549 อาจจะไม่เติบโตขึ้นจากปีก่อน เพราะเป็นปีที่บริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ล่าสุดได้ตกลงซื้อที่ดินเปล่า เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรู ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2550 มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท

เราเชื่อมั่นว่าในปี 2550 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาก เนื่องจากจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ ที่เปิดตัวในปีนี้

กิตติ กล่าวว่า ในที่สุดแล้วเป้าหมายของไรมอนด์ แลนด์ ต้องการที่จะก้าวไปสู่ 1 ในผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของไทย พร้อมๆ กับการสร้างแบรนด์ไรมอนด์ แลนด์ ให้เป็นที่รู้จักในตลาด

การเป็นที่ 1 ในกลุ่มผู้นำของเราไม่ได้เน้นที่มูลค่าสูงสุด แต่เราให้ความสำคัญกับคุณภาพและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากกว่า ถึงวันนี้เราพอใจที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมสูงในเมือง ซึ่งลูกค้าพอใจในคุณภาพ และได้ประโยชน์จากราคาที่เพิ่มขึ้น อย่างโครงการเดอะเลค ปัจจุบันราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนบาทต่อตารางเมตรแล้ว จากที่เขาซื้อไปเพียง 8 หมื่นบาทต่อตารางเมตรเท่านั้น กิตติ กล่าว

ผลการดำเนินงานรอบปี 2548 ของบริษัท ไรมอน แลนด์ (RAIMON)

สำหรับงวด 12 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548

รายได้ (ล้านบาท) 1755.13

กำไรสุทธิ (ล้านบาท)* 161.04

คำนวณขั้นพื้นฐาน (บาท) (BASIC) 0.13

มูลค่าสุทธิตามบัญชีต่อหุ้น (บาท) 1.04


ที่มา กรุงเทพธุรกิจ[/color:ad30916fea">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com