March 29, 2024   7:53:22 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ผลกระทบ "ปรับลดค่าคอมพ์" ต่อโบรกเกอร์
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 10/02/2006 @ 15:55:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวทางการปรับลดค่าคอมมิชชั่นของบริษัทโบรกเกอร์ มีความเป็นไปได้ใน 2 แนวทาง ซึ่งทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จะเสนอต่อที่ประชุมสมาชิกภายในสัปดาหนี้ และจะสรุปข้อตกลงให้เสร็จภายในไตรมาสที่ 1 นี้ เพื่อให้สมาชิกได้มีเวลาในการเตรียมตัว [/color:d34960bc5a">


แนวทางที่จะปรับลดค่าคอมมิชชั่นดังกล่าว แนวทางที่ 1 คือ การปรับลดค่าคอมมิชชั่นจาก 0.25 % เป็น 0.20% แนวทางที่ 2 การปรับลดค่าคอมมิชชั่น ตามมูลค่าการซื้อขายรวมของตลาดฯ คือ ถ้ามูลค่าการซื้อขายรวม 5 ล้านล้านบาท ค่าคอมมิชชั่น เท่ากับ 0.23% ถ้ามูลค่าการซื้อขายรวม 6 ล้านล้านบาท ค่าคอมมิชชั่น 0.20% ถ้ามูลค่าการซื้อขายรวม 7.5 ล้านล้านบาท ค่าคอมมิชชั่นเท่ากับ 0.19%

ถึงแม้ว่าบริษัทโบรกเกอร์จะต้องปรับตัวในการดำเนินงาน ตามปัจจัยกดดันที่ค่าคอมมิชชั่นจะลดลง แต่ถ้าเป็นไปตามแนวทางทั้งสองนี้ โบรกเกอร์ไม่ต้องแข่งกันในเรื่องราคา แต่แข่งกันในด้านคุณภาพของการให้บริการ

สำหรับมุมมองของฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่า ในปี 2550-51 มูลค่าการซื้อขายรวมของตลาดคาดว่าจะอยู่ในระดับ 5-6 ล้านล้านบาท ดังนั้นจาก 2 แนวทางที่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์เสนอ ค่าคอมมิชชั่นจะอยู่ที่ระดับ 0.20-0.23%

ราคาเป้าหมายในปี 2549 ของหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์จะยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว แต่การคาดการณ์ผลการดำเนินงานในปี 2550-51 จะต้องมีการปรับประมาณการค่าคอมมิชชั่นจากมาตรการดังกล่าวใหม่

สำหรับผลกระทบต่อบริษัทโบรกเกอร์ ในปี 2550 เราคาดว่า โบรกเกอร์ที่พึ่งพารายได้จากค่า Brokerage fee มาก จะได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้มากกว่าโบรกเกอร์ที่มีรายได้จากแหล่งอื่นมาเพิ่ม เช่น รายได้ค่าธรรมเนียม กำไรจากการบริหาร Port การลงทุน เป็นต้น

นอกจากนี้โบรกเกอร์ที่มีต้นทุนในการดำเนินงานสูงจะเสียเปรียบโบรกเกอร์ที่มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำกว่า

ในเบื้องต้นเราคาดการณ์ผลกระทบของการปรับลดค่าคอมมิชชั่นจากข้อมูลจากงบการเงินใน 9 เดือนแรกของปี 2548 (งบการเงินปี 2548 ยังประกาศไม่ครบ) โดยเปรียบเทียบ Broker ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 14 บริษัท ได้แก่ KEST, ASP, PHATRA, ZMICO, KGI, BLS, GBX, CNS, UOBKH, SSEC, ASL, TNITY, SYRUS และ US

บริษัทที่จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทอื่น หรือได้เปรียบบริษัทอื่น เนื่องจากมีรายได้ที่เป็นรายได้ค่าธรรมเนียมในสัดส่วนที่สูงเกิน 10% ได้แก่ ASP, PHATRA, ZMICO, KGI และ TNITY สำหรับบริษัทที่ต้องพึ่งพา รายได้ Brokerage fee มีสัดส่วนสูงกว่า 85% ได้แก่ KEST, BLS, UOBKH, SSEC, ASL

แต่ถ้าเปรียบเทียบทางด้านค่าใช้จ่าย บริษัทที่มี Operating expense ต่ำจะได้เปรียบบริษัทที่มี Operating expense สูง บริษัทที่มี Operating expense ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 69% ได้แก่ KEST, ASP, PHATRA, KGI, BLS, GBX, CNS, UOBKH, TNITY และ SYRUS โดยเฉพาะบริษัทที่มี Operating expense ต่ำกว่า 50% ได้แก่ PHATRA, GBX, UOBKH แสดงว่า มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำ

ส่วนบริษัทที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงมาก ได้แก่ ASL, US, SSEC และ ZMICO ย่อมจะต้องปรับตัวมาก เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง ถ้าเปรียบเทียบ Net Profit Margin บริษัทที่มี Net Profit Margin สูงเกินกว่า 30% ได้แก่ UOBKH, PHATRA และ KEST ส่วนบริษัทที่มีผลขาดทุนและมี Net Profit Margin ติดลบ ได้แก่ ASL และ US

เปรียบเทียบในภาพรวม โดยมีองค์ประกอบหลายด้านทั้งสัดส่วนรายได้ สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และ Net Profit Margin แล้ว เรามีความเห็นว่า บริษัทที่มีปัจจัยบวกสนับสนุนมากกว่าบริษัทอื่น คือ PHATRA เพราะ PHATRA มีสัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียม 12% มีสัดส่วนค่าใช้จ่าย Operating expense ต่ำ เท่ากับ 44% และมี Net Profit Margin สูง เท่ากับ 31.67% ซึ่งดีกว่าบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ โดยทั่วไป รองลงมา คือ KEST และ ASP โดยที่ KEST มี Net Profit Margin สูงเท่ากับ 30.70% ส่วน ASP มีรายได้จากค่าธรรมเนียมสูง เท่ากับ 13.16%

ZMICO มีรายได้จากค่าธรรมเนียมสูงเท่ากับ 13.6% แต่มีข้อเสีย คือ Operating expense สูงถึง 72% ทำให้ Net Profit Margin ค่อนข้างต่ำ เท่ากับ 20.81%

KGI มีรายได้ค่าธรรมเนียมสูงเท่ากับ 18.92% แต่มี Operating expense สูง (เท่ากับ 63%) Net Profit Margin เท่ากับ 20.81%

BLS มีรายได้คาธรรมเนียม 9.48% มี Operating expense สูง (เท่ากับ 68%) Net Profit Margin เท่ากับ 15%

GBX มีสัดส่วนรายได้ Brokerage fee เพียง 65.80% โดยมีกำไรจาก port การลงทุนสูง คิดเป็นสัดส่วน 26% รายได้ค่าธรรมเนียมมีสัดส่วน 4.15% แต่กำไรจาก port การลงทุนมีความผันผวนสูง จะทำให้รายได้ของ GBX ผันผวนได้มาก ส่วน Net Profit Margin เท่ากับ 28.85%

CNS มีรายได้ค่าธรรมเนียม 4.55% มี Operating expense มีสัดส่วนเท่ากับ 65.70% และ Net Profit Margin เท่ากับ 23.57%

UOBKH พึ่งพารายได้ Brokerage fee มาก เท่ากับ 93.60% แต่มี Net Profit Margin สูง 32.20

SSEC พึ่งพารายได้ Brokerage fee สูง เท่ากับ 86% มี Operating expense สูง 89% ทำให้ Net Profit Margin ต่ำเพียง 4.06%

ASL พึ่งพารายได้ Brokerage fee สูงเท่ากับ 86% มี Operating expense สูงถึง 131.68% ทำให้มีผลขาดทุน โดยมี Net Profit Margin ติดลบ

TNITY มีสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมสูงถึง 14% แต่มี Operating expense สูง 67.63% Net Profit Margin ค่อนข้างต่ำ เท่ากับ 12.88%

SYRUS พึ่งพารายได้ Brokerage fee เทากับ 85% มีรายได้ค่าธรรมเนียม 8% แต่มี Operating expense สูง ทำให้ Net Profit Margin ค่อนข้างต่ำ เท่ากับ 13%

US มีรายได้ค่าธรรมเนียม 8.30% พึ่งพารายได้ Brokerage fee เท่ากับ 84% แต่มี Operating expense สูงมากถึง 91% ทำให้มีผลขาดทุน และ Net Profit Margin ติดลบ

บทความข้างต้นเป็นบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของบริษัทหลักทรัพย์กรณีเกิดการเปลี่ยนแปลงของค่าคอมฯ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับทิศทางของ SET INDEX ยังน่าจะอยู่ในช่วงการปรับฐานต่อเนื่อง โดยคาดว่า กรณีการลงมาใกล้แนวรับ 680-700 (ต่ำกว่า 720) ลงมาจะเป็นสัญญาณอีกครั้งในการสะสมหุ้นรอบใหม่ ซึ่ง ณ จุดนี้ หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจที่สุดเช่นเดิม

*********
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ[/color:d34960bc5a">

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 12/02/2006 @ 20:20:58 : re: ผลกระทบ "ปรับลดค่าคอมพ์" ต่อโบรกเกอร์
[b:32940f2cf3">ขอบคุณค่ะ...

เอ !! แล้วันเกิดใครอ่ะ.... .0008

จะอวยพรให้ใครดีล่ะ[/color:32940f2cf3">[/b:32940f2cf3">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com