ตลาดฯจับตาย เสี่ยส.- พ. ทนถูกหยามต่อไม่ได้ คาดโทษ 4 หุ้นปั่น ถ้ายังดื้ออีกขยายเวลาห้ามเน็ตฯและมาร์จิ้นเป็น 45-60 วัน และห้ามโบรกเกอร์รับออเดอร์ซื้อ ขายนักปั่น ขณะเดียวกันส่งหนังสือขอข้อมูลลับทุกห้องค้า ทางการรู้แก่ใจรายชื่อที่มีในมือเป็นแค่นอมินี ไม่ใช่ตัวจริง ลั่น IEC ผิดปกติมากสุด คำสั่งซื้อ ขายกระจุกตัว เข้าข่ายปั่นราคาส่วนแก๊งปั่นรอบนี้มั่นใจแผนเหนือเมฆ ลงมือครั้งเดียว 10 ตัว สลับกันเล่นไม่ให้ทางการสงสัย
ตลาดหลักทรัพย์ฯลงมือปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด ไม่มีใครยืนเหนือกฎหมาย เมื่อนักปั่นรายใหญ่ ที่ตามห้องค้ารู้ฉายาดีชื่อ เสี่ย ส. และ พ. กระทำเหมือนเยาะเย้ยไม่เกรงใจทางการมาตลอด ขณะนี้ลงมือปั่นหุ้นร่วม 10 ตัว แต่ละครั้งที่ตลาดฯทนไม่ไหวจะออกมาห้ามเน็ตและมาร์จิ้น
อย่างไรก็ตามการกลับมารอบนี้ของ เสี่ย ส. เจ้ามือรายใหญ่ที่โคจรมาพบ พ. เล่นหนักยิ่งกว่าเดิม เพราะทั้ง 2 รายล้วนใจใหญ่ มือเติบ มั่นใจสิ่งที่ทำไม่ผิด ครั้งนี้ปั่นทีเดียวถึง 10 ตัว แล้วแต่สถานการณ์ว่าเวลาใด จะหยิบหุ้นตัวไหนขึ้นมาทำราคา หรืออาจทำพร้อม ๆ กันทีละ 4-5 ตัว ล่อไม่ให้ทางการสงสัย เนื่องจากถ้าทำครั้งละ 1-2 ตัวจะจับง่าย และอดีตที่เคยปั่นมากับหุ้น FCI หรือ บงล. รัตนะการเคหะ ก็ทำเช่นนี้ จึงถูกจับได้ กลับมาครั้งนี้จึงขอแก้มือใหม่อีกครั้ง
สำหรับพฤติกรรมที่ใช้ครั้งนี้ เสี่ย ส. จะส่งคนเข้าไปเจรจากับเจ้าของหุ้น ตกลงกันก่อน เริ่มแรกทุบลงมา เพื่อให้รายย่อยทั่วไปทิ้งหุ้น แล้วเข้ามารับ หลังจากนั้นดันราคาขึ้นมา ผสมกับทะยอยออกข่าวดีทีละล็อต เพื่อให้ราคาวิ่งอย่างสมเหตุสมผล มีข่าวดีรองรับ ซึ่ง เสี่ย ส. จะตกลงกับเจ้าของหุ้น ให้ได้ราคาที่เจ้าของพอใจ หลังจากนั้นเจ้าของจะปล่อยหุ้นของตัวเองออกมาให้ในกระดาน เพื่อให้นักปั่นมีสินค้าที่จะเล่นมากขึ้น
ดังนั้นระยะหลังจะได้เห็น ตามข้อมูลก.ล.ต.ปรากฎชื่อ ผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นในกระดานจำนวนมาก และจะมีออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งหุ้นแต่ละตัวจะอยู่ในโผที่ตลาดฯขึ้นบัญชีดำไว้ทั้งนั้น และที่ผิดปกติคือ หลังจากเจ้าของขายหุ้น แทนที่จะเป็นข่าวร้าย กลับทำให้ราคาหุ้นวิ่ง ขณะนี้ทางการได้ทำหนังสือไปยังทุกห้องค้าขอทราบข้อมูลการซื้อ ขายหุ้นของบุคคลน่าสงสัย และตลาดฯก็รู้ดี แก๊งนี้ไม่ได้ซื้อหุ้นในนามของตัวเอง ใช้ชื่อนอมินีแทนร่วม 10 กว่ารายสิ่งที่ตลาดฯจับได้คือ คำสั่งซื้อ ขายกระจุกตัว
ส่วนหุ้น 10 ตัวที่ทางการจับตา แต่ขณะนี้มี 5 ตัวที่ถูกเพ่งเล็งมากสุดคือ ASL APUREEWC IEC SINGHA
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ตลาดฯอาจมีคำสั่งให้โบรกเกอร์ระงับคำสั่งซื้อขายหุ้นIEC ของนักลงทุนบางกลุ่มหากยังพบการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม เบื้องต้นเป็นไปได้ว่าอาจรวมตัวและส่งคำสั่งซื้อขายในกลุ่มเดียวกันและมีลักษณะของคำสั่งซื้อขายแบบซ้ำๆกัน
นอกจากนี้เมื่อนำมูลค่าการซื้อขายหุ้น IEC มาเทียบกับมูลค่าการซื้อขายของตลาดรวมจะพบว่ามีสัดส่วนที่สูงผิดปกติซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเข้าข่ายสร้างราคา
ตามข้อบังคับของตลาดฯสามารถสั่งโบรกเกอร์ระงับ การรับคำสั่งซื้อขายของลูกค้าบางรายหากพบว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และถ้าตลาดฯนำมาตรการนี้มาบังคับใช้กับหุ้น IECจะถือว่าเป็นครั้งแรกที่นำมาตรการดังกล่าวมาใช้ นายกิตติรัตน์ กล่าว
ด้านนายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า หุ้นส่วนใหญ่ที่ตลาดฯสั่งห้ามเน็ทฯและมาร์จิ้นจะเป็นหุ้นเดิมๆ เช่น EWC ,EWC-W1,APURE, APURE-W1, ASL, ASL-W4 และ IEC ซึ่ง IEC เป็นหุ้นตัวเดียวที่ไม่มีหุ้นใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แรนต์)แต่มีพฤติกรรมที่ผิดปกติมากที่สุด ทั้งนี้หากหุ้นเหล่านี้ยังมีพฤติกรรมการซื้อขายที่ผิดปกติ บ่อยครั้งตลาดหลักทรัพย์มีแผน ที่จะขยายเวลาห้ามเล่นเน็ตฯ(Net Settlement) และห้ามมาร์จิ้น (Margin Trading) จากเดิม 15-30 วันจะขยายเป็น 45-60 วัน
ขณะเดียวกันล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ได้ส่งหนังสือและรายชื่อของนักลงทุนที่เข้าซื้อขายหุ้นIEC ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นรายชื่อซ้ำๆกันไปยังบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อให้จับตาดูลูกค้ากลุ่มนี้เป็นพิเศษ โดยให้โบรกเกอร์ใช้ความระมัดระวังในการรับคำสั่งซื้อขายจากลูกค้ารายดังกล่าว
เนื่องจากมีลักษณะการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสม โดยที่ผ่านมา ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้ส่งคำสั่งซื้อขายซ้ำๆ เป็นจำนวนมาก และเปลี่ยนโบรกเกอร์ในการสั่งซื้อขายหุ้นบ่อยครั้งนอกจากนี้ในขั้นตอนต่อไปหากลูกค้ารายดังกล่าวยังมีพฤติกรรมส่งคำสั่งซื้อขายไม่เหมาะสมตลาดหลักทรัพย์จะสั่งให้โบรกเกอร์ระงับการรับออร์เดอร์จากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวทันที
IEC เป็นหุ้นตัวเดียวที่ไม่มีวอร์แรนต์ แต่มีพฤติกรรมที่ผิดปกติมากที่สุดนายสุกิจกล่าว
ส่วนกรณีของ ASL ตลาดหลักทรัพย์พบว่านักลงทุนที่ซื้อขายหุ้น ASL เป็นนักลงทุนหน้าเดิมๆ ที่เข้าไปซื้อเก็งกำไรหุ้นตัวอื่นๆที่ร้อนแรงด้วย โดยกรณีของ ASL ถือว่าเป็นกรณีพิเศษที่ตลาดหลักทรัพย์สั่งห้ามเน็ตฯและมาร์จิ้นครั้งเดียว 30 วัน จากปกติครั้งแรกจะห้ามเน็ตฯและมาร์จิ้น 15 วันก่อน จากนั้นจึงมาเป็น 30 วัน
เนื่องจากพบความผิดปกติของราคาและมูลค่าการซื้อขายมากโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะติดตามพฤติกรรมการซื้อขายหุ้น ASL ต่อไป และในอนาคตหากยังมีการเก็งกำไรก็จะมีการพิจารณาว่าจะมีการนำมาตรการอื่นมาเสริมหรือไม่ เพื่อสกัดแรงเก็งกำไร
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตลาดฯออกมากล่าวคาดโทษ เช่นนี้ 4 หุ้นปั่นที่ตลาดณระบุ ก็หงอยแค่ระยะแรกของการเปิดเทรดช่วงบ่าย แต่ก่อนตลาดปิดก็กลับมาสู้มืออีกครั้งเช่น EWC ราคาร่วงทันทีลงไปต่ำสุดที่ 13.80 บาท จากที่เปิดตลาดช่วงเช้า 17.80 บาท อย่างไรก็ดีในช่วงใกล้ปิดตลาดราคากลับสู้มือขึ้นมาปิดที่ 15.70 บาท ลดลง 3.80 บาท
ขณะที่ASLปิดลบ 0.50 บาท มาที่ 12.50 บาทจากช่วงเช้าที่ลดลงไป 0.70 บาทAPURE ลดลงไปต่ำสุดที่ 2.94 บาท แต่ดีดกลับมาปิดที่ 3.08 บาท IEC ลงไปต่ำสุดที่ 2.68 บาท แต่ปิดตลาดที่ 2.70 บาท PICNI ลงไป 1.11 บาทแต่ขึ้นมาปิดตลาดที่ 1.13 บาท
ทั้งนี้ ASL เริ่มไล่ราคาตั้งแต่ที่ 5.90 บาท เมื่อประมาณส.ค.สลับกับการเก็งราคาวอร์แรนต์ที่ราคาขณะนั้นอยู่ที่ 0.66 โดยวิ่งแรงกว่าหุ้นแม่ดันจนขึ้นไปสูงสุดถึง 6 บาทจนตลาดต้องตรวจสอบ ขณะที่หุ้นแม่มาร้อนแรงมากเมื่อวันที่ 10พ.ย.ราคาอยู่ที่ 9.70 บาทดันขึ้นไปสูงสุดที่ 13 บาทเมื่อ 16 พ.ย.จนตลาดทนไม่ไหวเลยสั่งห้ามเน็ท-ห้ามมาร์จิ้น
นอกจากนั้นหุ้นเหล่านี้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ต่างมีมลทินแล้วทั้งสิ้น เคยถูกสั่งห้ามเน็ตฯและมาร์จิ้น ได้แก่ APURE และ APURE-W1 โดนทั้งหมด 3 ครั้งคือวันที่ 15 ก.ย.5 ต.ค.และ 17 ต.ค. ขณะที่ EWC และ EWC-W1 ถูกห้าม 3 ครั้งเช่นกันคือวันที่14 ก.ย.5 ต.ค.และ 16 พ.ย. ด้าน IEC ถูกขึ้นทั้งหมด 2 ครั้ง ล่าสุด ASL โดน 1ครั้ง ขณะที่ PICNI ไม่เคยถูกห้ามเน็ทห้ามมาร์จิ้น แต่โดนขึ้นเครื่องหมาย SPและH รวมกันถึง 9 ครั้ง
ขณะที่ SINGHA ก็ถูกตลาดจับตาเช่นกันกรณีลงนามความร่วมมือตกลงซื้อหุ้นกับบริษัทเวทส์โคสท์ อินเตอร์เนชั่นแนล(westcoat internation) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าไม้พื้นรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา โดยเวทส์โคสท์ขอซื้อจากลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 40 ล้านหุ้นคิดเป็น12.50% ของทุนจดทะเบียนในราคา 14.50 บาท ซึ่งสูงกว่าราคากระดานปัจจุบันอยู่ที่ 8.15บาท เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและขยายฐานตลาดให้บริษัท
ประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดตลาดหลักทรัพย์เกิดข้อกังขา และสั่งให้บริษัทมีการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่สัญญาในการขายหุ้นจำนวนดังกล่าว และกลายเป็นหุ้นอีกตัวที่ถูกจับตาจากทางการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้บริหารได้มีการโยนหุ้นกันเองอย่างต่อเนื่อง

ที่มา ข่าวหุ้นธุรกิจ[/color:c5d69a0163">

ข่าวชิ้นนี้ มีหุ้น อยู่ 8 รายชื่อ......ราคาจะรูดลงเหลือเท่าใดอ่ะ .0002 .0002

เข้าทางพอดี จ้าวก็ผสมโรงทุบให้เละไปเลยอ่ะดิ ฟฟฟฟ1

ต่อไปก็ให้ตลท.ออกกฎห้ามหุ้นมีการเคลื่อนไหวของราคาเลยมะ
ipo เท่าไหร่ก็ให้ราคานั้นตลอด .0008 .0008 .0008
[เห็นจับจังเลยหุ้นขึ้นเนี่ย หุ้นตกไม่เห็นออกกฎสักแอะ .000b ">

ฟฟฟฟ1 ฟฟฟฟ1 ฟฟฟฟ1

ตายแหงมๆๆ รายย่อย

.000c .000c .000c

ที่พี่เทพ ดันจาก 200 กว่า ไป 500 ใน 3 เดือน ไม่เห็นจะถูกห้ามมั่ง

ตอนนี้เป็นไงละ

กลต.นะปั่นเอง

กลต.นะปั่นเอง

แย่จังเลยครับ .0002

.000c