เปิดเส้นทางทำกำไรก๊วนโกลเบล็ก จับหุ้น IPO สร้างรายได้ทั้งเครือ แถมปั๊มวอลุ่มไปในตัว คนวงการเผยชื่อ GBX กำลังกลายเป็นยี่ห้อที่ประกันราคาหุ้นต่ำจอง รอทางการตัดสิน ยอมรับเลือกเดินทางสีเทา หากทำได้คาดมีหลายค่ายเลียนแบบ ผลร้ายตกอยู่กับตลาดหุ้นเอง

ราคาหุ้นของบริษัทโซลาร์ตรอน จำกัด(มหาชน) SOLAR ที่ร้อนแรงนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นับตั้งแต่วันแรก(30 มีนาคม 2548) จากราคาจองที่ 8 บาทต่อหุ้น พุ่งขึ้นไปปิดที่ 11.60 บาท จำนวนหุ้นที่เสนอขายประชาชนทั่วไปที่ 60 ล้านหุ้น แต่วันดังกล่าวกลับมีหุ้นซื้อขายหุ้นเวียนถึง 263 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.38 เท่าของหุ้นที่เสนอขาย

จากนั้นมีรายงานการเข้าหุ้น SOLAR โดยบริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ GBX ว่าเมื่อ 30 มีนาคมได้เข้าซื้อหุ้น SOLAR ในสัดส่วน 6.7% และได้ขายออกทั้งหมดในวันถัดไป และมีการเข้าซื้ออีกหลายครั้งจนครองหุ้น 19 ล้านหุ้นหรือ 6.33% และขายออกมาทั้งหมดในวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เรื่องดังกล่าวสร้างความประหลาดใจกับนักลงทุนรวมถึงคนในวงการหลักทรัพย์ไม่น้อย เนื่องจากหุ้น SOLAR มีบริษัท โกลเบล็ก แอ็ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งบริษัทนี้มี GBX เป็นผู้ถือหุ้น 100% และการซื้อขายหุ้น SOLAR ใช้พอร์ตการลงทุนของ GBX เอง และดำเนินการซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก โบรกเกอร์เบอร์ 25 ที่ GBX ถือหุ้น 100% เช่นกัน จนส่วนแบ่งการตลาดในวันที่ 30 มีนาคมอยู่ที่ 5.3% และ 4.78% ในวันถัดมา

แม้เรื่องดังกล่าวจะเงียบหายไปโดยไม่มีเสียงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแสดงความเห็นต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้น

เมื่อ 1 สิงหาคม 2548 กลับเริ่มเห็นบทบาทของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ที่ดึงเรื่องการขอออกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทอีก 395 ล้านบาทตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อ 10 มีนาคม 2548 เนื่องจาก ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท

ตามมาด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขอให้ GBX ชี้แจงทั้งเรื่องการชะลอออกใบสำคัญแสดงสิทธิและให้ชี้แจงเรื่องการลงทุนของบริษัท

หลังจากนั้นทาง GBX ได้ชี้แจงทั้งเรื่องเงินลงทุนรวมถึงหลักในการทำงานของโกลเบล็ก แอ็ดไวเซอรี่ ที่ยึดหลัก Chinese Wall แม้ว่า GBX จะถือหุ้น 100% และมีกรรมการนั่งบริหาร 3 ท่าน แต่จะไม่ทราบข้อมูลในเชิงลึก พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทดำเนินการอย่างโปร่งใสและมีระบบการควบคุมภายในป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์


หวือหวาโตเร็ว[/color:d336c46bbf">

ผู้บริหารระดับสูงบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งกล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องขึ้นกับทางการว่าจะเชื่อหรือไม่ เพราะหลัก Chinese Wall เคยถูกนำมากล่าวอ้างแล้วเมื่อครั้งที่เลห์แมน บราเดอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการขายสินทรัพย์กับ ปรส. แต่สุดท้ายก็กลับมาประมูลสินทรัพย์เสียเอง ถามว่าผิดไหม คงไม่ผิดในแง่กฎเกณฑ์ แต่ถามว่าควรหรือไม่คงตอบได้ว่าไม่ควร เพราะถึงอย่างไร GBX ก็ถือหุ้นในโกลเบล็ก แอ็ดไวเซอรี่ 100% อยู่ดี

การบริหารบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านหลักทรัพย์ว่าจะเดินไปทางใดนั้นขึ้นกับแนวทางของผู้บริหาร หากจะแบ่งกลุ่มของบริษัทหลักทรัพย์แยกได้เป็นกลุ่มที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ กลุ่มนี้จะทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากถูกทางการจับตาดูทั้งในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจธนาคาร อีกกลุ่มหนึ่งเป็นบริษัทของกลุ่มทุนส่วนบุคคล บางกลุ่มเลือกที่จะดำเนินธุรกิจปกติ แต่บางกลุ่มเลือกวิธีการที่หวือหวา เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว

กลุ่มที่เลือกเส้นทางเดินที่หวือหวานั้นย่อมต้องเลือกทางเดินบนพื้นที่สีเทา ทำธุรกรรมที่ไม่ผิดต่อกฎเกณฑ์ของทางการ แต่อาจดูไม่เหมาะสมต่อจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ ที่ผ่านมาบริษัทหลักทรัพย์ที่เลือกเดินเส้นทางเหล่านี้ก็มีหลายราย แต่สุดท้ายก็ลดความร้อนแรงลง

หากประเมินจากโครงสร้างของ GBX เทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นถือว่า เป็นการวางโครงสร้างที่ฉลาด โดยขอจดทะเบียนในรูปโฮลดิ้ง และถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นก็จะไม่กระทบต่อบริษัทหลักทรัพย์โดยตรง โครงสร้างนี้เหมือนกับที่ฟินันซ่าทำ

ส่วนกรณีของโซลาร์ตรอน GBX นั้นได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง คือได้ทั้งค่าธรรมเนียมในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ได้กำไรจากพอร์ตลงทุนโดยตรง ได้ทั้งส่วนแบ่งการตลาดที่ซื้อขายหุ้นผ่าน บล.โกลเบล็ก ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีของ GBX กำไรเพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อน 193% ส่วนเฉพาะไตรมาส 2 กำไรเพิ่มขึ้น 294% พร้อมกับส่วนแบ่งการตลาดขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3.1% ถือว่าโดดเด่นกว่าบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง ทั้งนี้เป็นผลมาจากกำไรจากพอร์ตลงทุนกว่า 100 ล้านบาท

ไม่ใช่แค่หุ้น SOLAR เท่านั้นที่ GBX เป็นที่ปรึกษาและลงทุนในพอร์ต ยังมีหุ้นบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM ที่ถือหุ้นอยู่ 35 ล้านหุ้นหรือ 7% เฉลี่ยที่หุ้นละ 4 บาท และยังไม่ได้ขายออกมา


GBX : Brand name[/color:d336c46bbf">

ขณะนี้คนในวงการหุ้นกล่าวเป็นในทางเดียวกันว่า หากไม่ต้องการให้หุ้น IPO ต่ำกว่าราคาจอง ควรเลือก GBX เป็นที่ปรึกษา เห็นได้จากหุ้นที่ GBX เป็นที่ปรึกษาส่วนใหญ่จะราคามักสูงกว่าจองในอัตราส่วนที่น่าพอใจ รวมถึงมูลค่าการซื้อขายที่หนาตา แม้หุ้นตัวนั้นจะไม่ใช่กลุ่มหลักที่นักลงทุนสนใจ นอกจากนี้หุ้นบางตัวที่คึกคักอย่างผิดปกติ มักจะมีข่าวลือว่ากลุ่มนี้เข้ามาซื้อขายด้วย

เมื่อไม่ผิดแต่ไม่เหมาะ หากไม่ถูกยับยั้งจากทางการ เชื่อได้เลยว่านับจากนี้ไป บริษัทหลักทรัพย์รายอื่นก็คงจะใช้วิธีการเดียวกัน เพราะได้ทั้งค่าธรรมเนียม กำไรพอร์ตลงทุน และส่วนแบ่งการตลาดไปในตัว และต้องย้อนกลับไปถามว่างานตลาดหลักทรัพย์สัญจรที่ทำมาทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย เมื่อเห็นราคาหุ้นพุ่งอย่างนี้ก็ย่อมโดดตาม เมื่อถอยไม่ทันหรือหมดตัว ย่อมเข็ดจากการลงทุน เท่ากับทางการหานักลงทุนมาให้โบรกเกอร์บางรายเชือดอย่างนั้นหรือ

ในอีกด้านหนึ่งนอกเหนือจากกำไรที่เติบโตสมใจผู้บริหารแล้ว การแจกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กับผู้ถือหุ้นเดิมฟรี 355 ล้านหน่วย และอีก 40 ล้านหน่วยให้ผู้บริหารและพนักงาน โดยกำหนดราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาตลาดมาก ก็กลายเป็นคำถามที่ชวนสงสัยเช่นกันว่าแจกฟรีกันอย่างนี้เพื่ออะไรกัน

แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะใช้วิธีการนี้กันอย่างแพร่หลาย แต่ราคาการใช้สิทธิส่วนใหญ่จะกำหนดในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดในราคาที่ไม่ต่ำจนเกินไป และก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าจะมีการใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นสามัญกันมากน้อยเพียงใด หากราคาใบสำคัญที่เข้าซื้อขายสูงกว่าราคาแปลงสภาพ และมีใครจะอดใจที่จะไม่ขายออกมาได้

ต้องยอมรับว่าระยะนี้หน่วยงานอย่าง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ช่วยนักลงทุนได้มาก หุ้นที่ร้อนแรงผิดปกติถูกกระตุกไว้ แม้ว่าบางรายอาจเดือดร้อน แต่ต้องไม่ลืมว่าการเก็งกำไรหุ้นที่หวือหวาย่อมมีทั้งคนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ เครื่องหมายเตือน(Alert) จึงถือเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่เตือนสตินักลงทุนว่าหุ้นตัวดังกล่าวมีความเสี่ยง โดยเฉพาะเสี่ยงที่จะถูกทางการเข้ามาตรวจสอบ

ที่มา ผู้จัดการรายสัปดาห์