March 29, 2024   6:21:07 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ส่องหุ้นกลุ่ม.."รับเหมาก่อสร้าง" "
 

?????????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 103
วันที่: 05/11/2005 @ 18:39:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ส่องหุ้นกลุ่ม..รับเหมาก่อสร้าง CK-STEC กำไรเติบโตโดดเด่น

บล.บีฟิท มองหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังน่าลงทุน แต่ต้องซื้อให้ ถูกจังหวะ เมื่อราคาอ่อนตัว และเลือกเป็นรายตัว แนะ 2 หุ้น ช.การช่าง (CK) และ ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง (STEC) เด่นที่สุดในกลุ่ม


ควันหลงงาน เซียนโซน ชุมชนคนรักหุ้น หรือ เซียนโซนคลับ ที่จัดโดย น.ส.พ. กรุงเทพธุรกิจ ร่วมกับ บล.บีฟิท โดยฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท ได้ประเมินหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังสามารถลงทุนได้ในระยะกลาง

ในช่วง 5 ปีนี้ (2548-2552) รัฐบาลยังมีแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) มีมูลค่าโครงการรวม 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทรับเหมาที่อยู่ในตลาดหุ้นจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ บล.บีฟิท กล่าว

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยแห่งนี้มีมุมมองต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างไม่ถึงกับดีมาก โดยเห็นว่าในระยะสั้นหุ้นกลุ่มนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงตรงที่ประสบปัญหาต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ จะทำให้ต้นทุนก่อสร้างและค่าจ้างแรงงานสูงขึ้น ขณะที่การแข่งขันในการประมูลงาน จะทำให้หุ้นรับเหมามีความเสี่ยงสูงขึ้น

มีบางบริษัทที่มีมาร์จินค่อนข้างบาง จนถึงขั้นขาดทุนก็มี โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล็ก ที่มีเงินกู้สูง จนทำให้อัตราหนี้สินต่อทุนสูง จึงต้องระวังในเรื่องการเพิ่มทุนเอาไว้ ธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าว

ปัจัยเสี่ยงที่สำคัญอีกประการหนึ่งในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ก็คือ ปัจจุบันราคาหุ้นบางตัวในกลุ่มนี้มีราคาที่สูง หรือมีค่าพี/อีเรโชสูงเมื่อเทียบกับหมวดอื่นๆ โดยค่าพี/อีเรโชของหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่อยู่ระหว่าง 23-25 เท่า และหุ้นขนาดกลาง-เล็กอยู่ที่ 10-15 เท่า

การที่ราคาหุ้นรับเหมามีค่าพี/อีเรโชสูงถึง 25 เท่า นักลงทุนต้องระวังนักวิเคราะห์จะแนะนำให้ขาย แต่ในปี 2549 อาจมี Gap หรือช่องว่างราคาให้สามารถเข้าซื้อได้ อย่างไรก็ตามในช่วง 5 ปีนี้ราคาหุ้นรับเหมาจะขึ้นแน่ แต่อาจจะไม่ขึ้นแรง โดยปัจจุบันกลุ่มนี้จะเล่นเป็นรอบ เมื่อราคาขึ้นมาถึงค่าพี/อีเรโช 25 เท่า ก็จะมีแรงขายตลอด เอกพิทยา กล่าว

ฉะนั้น หากคิดจะลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้ และปี 2549 ธนัท กล่าวถึงเกณฑ์ในการเลือกหุ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงว่า จะต้องพิจารณาแนวโน้มของรายได้ ซึ่งต้องเติบโตต่อเนื่อง โดยดูจากมูลค่างานในมือ(Back Logs) ที่สูง และมีคุณภาพ ขณะเดียวกันจะต้องมีความสามารถในการประมูลงาน ซึ่งจะต้องมีทุนที่สูงและประสบการณ์ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ มีบุคลากรที่มีคุณภาพ มีพันธมิตร และมีสายสัมพันธ์ที่ดี

นอกจากนั้น จะต้องเป็นบริษัทที่มีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอ มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยสามารถควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างได้ดี ตลอดจนมีค่าใช้จ่ายบริหารที่เหมาะสม และมีแผนการลงทุนในอนาคตที่ชัดเจน รวมถึงราคาหุ้นมีส่วนต่างกำไรคุ้มกับความเสี่ยงที่จะลงทุน

โดยฝ่ายวิจัยบล.บีฟิท แนะนำให้เลือกหุ้นเป็นรายตัว ที่มีพื้นฐานดี หุ้นเด่น 2 บริษัทที่แนะให้ลงทุนก็คือ ช.การช่าง (CK) และ ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC)

ช.การช่าง มีงานอยู่ในมือ (Back Logs) 2 หมื่นล้าน และในไตรมาส 4 ปีนี้ จะได้งานสร้างเขื่อนน้ำงึม 2 ประเทศลาว อีกมูลค่า 2.2 หมื่นล้าน จึงคาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทจะมีงานในมือ 4 หมื่นล้าน ด้วยรายได้ของบริษัทในอนาคตจึงไม่น่าเป็นห่วง ขณะที่กำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ระดับสูงเฉลี่ย 10-12% ธนัท กล่าว

นอกจากนั้น ช.การช่าง ยังจะมีแหล่งรายได้เพิ่มจากการขายหุ้นในธุรกิจอื่น คือ กำไรจากการขายเงินลงทุนใน บริษัท น้ำประปาไทย (TTW) และ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ตลอดจนมีแผนนำบริษัทร่วมระดมทุนในตลาดหุ้น ได้แก่ TTW และบริษัท รถไฟฟ้ามหานคร (BMCL) อีกด้วย

เราคาดว่า CKจะได้รับเงินจากการขายเงินลงทุนจาก TTW ราว 2.3 พันล้านบาท และยังสามารถหวังผลระยะยาวในการขายหุ้น BECL และ BMCLจึงคาดว่าในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีกำไร 667 ล้านบาท โตถึง 218 % และปีหน้ายังเติบโตต่อเนื่อง คาดว่ามีกำไรสุทธิ 713 ล้าน เติบโต 7% ไม่รวมกำไรจากเงินลงทุน

บล.บีฟิท ให้ราคาเป้าหมายของหุ้น CK ในปีนี้ที่ราคา 13.20-15.20 บาท และปี 2549 ให้ราคา 12.30-14.20 บาท แต่หากค่าพี/อีเรโชเกิน 25 เท่า แนะนำว่าอย่าซื้อ และให้รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

ส่วนหุ้น STEC ฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท มองว่า ประเด็นสำคัญของหุ้นตัวนี้อยู่ที่การมีงานในมืออยู่ 2.7 หมื่นล้านบาท และในไตรมาส 4 ปีนี้คาดได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นสูงราว 10-12% ซึ่งถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว มาร์จิ้นของบริษัทจะดีขึ้น

เราคาดว่าสิ้นปีนี้ STEC จะมีกำไร 487 ล้านบาท เติบโต 294% และปี 2549 จะมีกำไร 617 ล้านบาท เติบโต 26.7% เราให้ราคาเป้าหมายปีนี้ระหว่าง 10.70-11.60 บาท และในปี 2549 ยังเติบโตไปได้เรื่อยๆ เพราะบริษัทรับรู้รายได้ปี 2546 หมดไปแล้ว หลังจากนี้จะเป็นงานปี 2547 ที่จะเข้ามา จึงให้ราคาป้าหมายที่ 11.80-13.50 บาท ธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าว[/color:255287e23f">

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 06/11/2005 @ 09:13:53 : re: ส่องหุ้นกลุ่ม.."รับเหมาก่อสร้าง" "
ยังไงผมก็ชอบ *ไอ้ย์ทีเด็ด* แต่ไม่มีอ่ะ จริงๆน๊ะ .0008
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com