ปตท. เตรียมหารือกับผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯกำหนดทิศทางของ ทีพีไอ พร้อมคาดหลังเข้าถือหุ้นทีพีไอจะมีกำไรเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3-4 ประเสริฐ มั่นใจรายได้กลุ่ม ปตท.ปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 800,000 ล้านบาท ด้าน ประชัย เตรียมอุทธรณ์ศาลฎีกาสัปดาห์หน้า ในกรณีเรียกประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ทาง ปตท. และพันธมิตรจะหารือกับผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI ในเร็วๆนี้ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการในขั้นต่อไป รวมทั้งนัดวันประชุมผู้ถือหุ้น หลังจากทีพีไอออกจากแผนฟื้นฟู และการแต่งตั้งกรรมการทีพีไอชุดใหม่ สำหรับการจ่ายเงินในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอนั้น ปตท. จะเร่งชำระค่าหุ้นให้เร็วที่สุด ก่อนวันที่ 13 ธันวาคมนี้ และพร้อมจะชำระค่าหุ้นให้ก่อนกำหนดด้วย ซึ่งหากผู้ถือหุ้นรายใหญ่เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนก่อน จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับรายย่อยมากขึ้นและหากชำระเงินครบแล้ว ทางคณะผู้บริหารแผนฯ จะยื่นเรื่องขอออกจากแผนฟื้นฟู จากนั้นจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อคัดเลือกกรรมการเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้ให้ข้อแนะนำ และตัดสินไว้แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้น จะมีทั้งชุมเก่าและใหม่รวมกัน

ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไป ปตท.จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3-4 จากการรับรู้กำไรจากทีพีไอ ที่ ปตท.จะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 31.5 โดยคาดว่ากำไรของทีพีไอจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะรับรู้ได้ตามสัดส่วนที่ถือหุ้น คือ ประมาณ 3,000 ล้านบาท

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวด้วยว่า ในปีนี้คาดว่ารายได้ของกลุ่ม ปตท.จะไม่ต่ำกว่า 800,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีรายได้ 620,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก เฉพาะ ปตท. บริษัทเดียวมีกำไรประมาณ 40,000 ล้านบาท

ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริการ TPI เปิดเผยว่า ตามที่ศาลลั้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ มีสิทธิในการเรียกประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้นที่พีไอได้ และเรียกประชุมหลังจากศาลฯมีคำสั่งให้ทีพีไอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการนั้น ตนยอมรับกับคำสั่งของศาลฯ แต่ยังคงมีความกังวลใจ กรณีผู้บริหารแผนจะก้าวก่ายอำนาจบริหารของคณะกรรมการลูกหนี้ หรือบอร์ดทีพีไอ ในเรื่องเกี่ยวกับการเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นโดยชอบธรรมของคณะกรรมการบริษัทแต่ไม่ใช่อำนาจของผู้บริหารแผนแต่อย่างใด ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาภายในสัปดาห์หน้า

ผู้บริหารแผนมีอำนาจหน้าที่เฉพาะในช่วงที่ TPI อยู่ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการเท่านั้นและจะหมดอำนาจทันทีหลังจาก TPI ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของ TPI จะตกมาอยู่ที่บริหารลูกหนี้ เป็นไปตามบทบัญญัติในพ.ร.บ.ล้มละลาย นายประชัย กล่าว

นอกจากนี้ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์เตรียมจะใช้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน TPI ที่ทางผู้บริหารแผนจะเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นสามัญใหม่ในราคา 3.30 บาท ครบเต็มจำนวนอย่างแน่นอน แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปจำนวนหุ้นที่ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ถืออยู่ได้ แต่ก่อนหน้านี้กลุ่มของตนถือหุ้นที่ประมาณ 70-80% ส่วนขณะนี้จะเหลือเท่าไหร่นั้นคงต้องตรวจสอบอีกครั้ง

ที่มา:
กระแสหุ้นรายวัน

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล .0009