April 25, 2024   6:48:35 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > คลี่ปม KSL "วิ่ง"ทวนกระแส "ฝรั่ง"ไล่เก็บ
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 5
วันที่: 19/08/2005 @ 23:33:17
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ไขปริศนาหุ้น น้ำตาลขอนแก่น (KSL) วิ่งทวนกระแส..หุ้นขาลง กองทุนต่างชาติทยอยเก็บเก็งอนาคต เอทานอล-โรงไฟฟ้า คาดปี 2550 กำไรพุ่งกระฉูด ผู้บริหารลุ้นมาร์เก็ตแคปทะลุ หมื่นล้าน หวังกองทุนใหญ่เข้าลงทุนเพิ่ม

นับตั้งแต่หุ้น น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2548 เป็นต้นมา จากราคาจองที่หุ้นละ 4.30 บาท ราคาหุ้นก็ค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องขึ้นไปสูงสุดที่หุ้นละ 6.45 บาท ปรับขึ้นมาแล้ว 50% ภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปี

ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2548 บริษัทมีกำไรสุทธิ 156.64 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 247.80 ล้านบาท ลดลงถึง 36%

บริษัทมียอดขายน้ำตาลลดลง 27% เหลือ 1.25 ล้านกระสอบ ในไตรมาส 2 ปี 2548 และจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบทั่วประเทศลดลงจาก 64.48 ล้านตัน เหลือ 47.82 ล้านตัน ลดลง 25.8% สภาวการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณอ้อยเข้าหีบลดลงเช่นกัน

ทำให้ผลประกอบการทั้งปีนี้ ชนะชัย ชุติมาวรพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-สายบัญชี และการเงิน กล่าวเป็นนัยว่า คงจะไม่สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำกำไรสุทธิได้ทั้งสิ้น 593.147 ล้านบาท โดยปกติวัฏจักรธุรกิจในไตรมาส 3 และ 4 จะขายน้ำตาลได้น้อยกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะผลกำไรไตรมาส 3 ปีนี้ กำไรอาจจะลดลงจากปีก่อนที่ทำได้ 217.43 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีรายการพิเศษเข้ามาเสริม

จำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ถึงสาเหตุที่หุ้น KSL ปรับตัวสูงขึ้นมาต่อเนื่อง ว่า เป็นผลพวงจากบริษัทได้ออกไปโรดโชว์ให้ข้อมูลกับกองทุนต่างชาติถึง 2 ครั้ง เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยครั้งแรกออกไปโรดโชว์กับ เจ.พี.มอร์แกน ส่วนครั้งที่สองออกไปโรดโชว์กับ เอบีเอ็น แอมโร

มือการเงิน น้ำตาลขอนแก่น กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติสนใจธุรกิจของเรา เนื่องจากเขามองว่าบริษัทเรามี ราคาหุ้นที่ต่ำ ขณะที่ออกไปโรดโชว์ ค่าพี/อี อยู่ที่ 12 เท่า (ปัจจุบันอยู่ที่ 14 เท่า) ขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจน้ำตาลใน อินเดีย 10 บริษัท มีค่าเฉลี่ย พี/อี เฉลี่ยที่ 27.1 เท่า

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการลงทุน 3 โครงการใหม่ที่ใช้วัตถุดิบจากกากอ้อย และกากน้ำตาล ได้แก่ โครงการผลิตเอทานอล 45 ล้านลิตร/ปี มูลค่า 350 ล้านบาท ภายใต้ บริษัท ขอนแก่น แอลกอฮอล์ จำกัด คาดว่า จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ประมาณเดือน พ.ย.-ธ.ค.2548

โครงการผลิตปุ๋ย กำลังการผลิต 100,000 ตัน/ปี มูลค่า 120 ล้านบาท เริ่มดำเนินการผลิตได้ประมาณเดือน ม.ค.-พ.ค.2549 และโครงการผลิตไฟฟ้า 38 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ภายใต้ บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด จะเริ่มดำเนินการผลิตได้ประมาณเดือน พ.ย.2548 นี้

หุ้นเรานักลงทุนไทยไม่สนใจ ไม่ได้มองพื้นฐานธุรกิจระยะยาว คนละอย่างกับนักลงทุนต่างชาติ มาเก็บแล้วหลายล้านหุ้น และยังโทรมาขอรายละเอียดเพิ่มเติมตลอด ซื้อแบบตอดนิดตอดหน่อยไปเรื่อยๆ ตรงนี้นักลงทุนไทยไม่ทันต่างชาติ จำรูญ ชินธรรมมิตร์ กล่าว

ล่าสุด หุ้น KSL มีมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นกว่า 9.6 พันล้านบาท โดยทางบริษัทมีเป้าหมายอยากให้มาร์เก็ตแคปทะลุ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อหวังดึงดูดกองทุนขนาดใหญ่ให้เข้ามาลงทุนเพิ่ม

จำรูญ อธิบายว่า กองทุนต่างชาติจะให้น้ำหนักการลงทุนตามขนาดมาร์เก็ตแคป อย่างตอนนี้ของเราเกิน 8,000 ล้านบาท ก็จะมีเงินเข้ามาลงทุนส่วนหนึ่ง และถ้าเกิน 10,000 ล้านบาท กองทุนขนาดใหญ่ๆ ก็จะเริ่มเข้ามามากขึ้น

โดย จำรูญ ยืนยันว่า กองทุนพวกนี้ ลงทุนระยะยาว ซื้อหุ้นไว้รออนาคตอีก ปีครึ่ง หลังจาก 3 โครงการเริ่มทำรายได้เต็มที่ในปี 2550 เชื่อว่า บริษัทจะเติบโตขึ้นอย่างมาก และจะเชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก (น้ำตาล) ได้อย่างครบวงจร

โดยจะนำอ้อยมาผลิต น้ำตาล และนำกากน้ำตาลไปผลิต เอทานอล นำกากอ้อย ไปเป็นเชื้อเพลิงผลิต ไฟฟ้า ส่วนของเสียจากอ้อยก็เอามาทำ ปุ๋ย ขายให้ชาวไร่ต่อ จากปัจจุบันที่เราเอา กากน้ำตาล ไปขายให้กับโรงเหล้า โรงงานผงชูรส ถ้านำมาทำเป็นเอทานอลจะเพิ่มมูลค่าได้มากกว่า

เขากล่าวอีกว่า เอทานอลมีอนาคตที่สดใสมากหลังจากรัฐบาลส่งเสริมให้ผลิตเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของน้ำมันออกเทน 91-95 ภายในปี 2550 จะมีความต้องการใช้เอทานอล ประมาณ 4-5 ล้านลิตร/วัน จากปัจจุบันใช้อยู่ประมาณ 2 ล้านลิตร/วัน ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทนกำลังเป็นธุรกิจดาวเด่นทั่วโลก

เรามองว่า เอทานอลจะกลายเป็นทางเลือกมารักษาสมดุลของรายได้จากธุรกิจ น้ำตาล โดยการผลิตเอทานอลคาดว่า จะมีกำไร 1-1.50 บาท/ลิตร มีผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) 15% ต่อปี..โดยคาดว่าในปีแรกจะมีกำไรจากธุรกิจเอทานอล 58 ล้านบาท ส่วนธุรกิจไฟฟ้าคาดว่าจะมีกำไร 173 ล้านบาท ส่วนธุรกิจปุ๋ยคาดว่าจะได้กำไรปีแรก 36 ล้านบาท

หลังจากปี 2550 บริษัทจะมีสัดส่วนกำไรสุทธิที่มาจากธุรกิจน้ำตาลลดลงจาก 97% เหลือเพียง 60-70% และจะมีกำไรมาจากธุรกิจใหม่สูงถึง 30% ต่อปี

สำหรับราคาน้ำตาล จำรูญ คาดว่า ราคาในตลาดโลกมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อไป เนื่องจากการที่โรงงานของไทย ซึ่งส่งออกน้ำตาลอันดับ 2 ของโลก เริ่มหันมาผลิตเอทานอล อาจจะทำให้มีการผลิตน้ำตาลน้อยลงเหลือ 20 ล้านตัน อาจทำให้พวกเฮดจ์ฟันด์ (กองทุนเก็งกำไร) เข้ามาปั่นราคาให้สูงขึ้นไปอีก

แต่สำหรับราคาน้ำตาลในประเทศไทยไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ เพราะน้ำตาลเป็นสินค้าควบคุม (ราคา) แต่เชื่อว่าจากมาตรการประกันราคาอ้อยที่ 800 บาท/ตัน จะทำให้ภาครัฐอาจจะต้องปรับราคาน้ำตาลขึ้นอีกครั้ง อาจจะเป็นช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้

จำรูญ บอกว่า ส่วนประเด็นเรื่องคู่แข่งทางธุรกิจรายใหม่ไม่ต้องกังวล เนื่องจากการเปิดโรงงานน้ำตาลจะต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ได้ผลตอบแทนเพียงแค่ 5% จึงเชื่อว่าคงไม่มีรายใหม่เข้ามาในธุรกิจนี้

เมื่อถามถึงฐานะทางการเงินของบริษัท จำรูญ กล่าวว่า หากรวมกับเงินกู้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่จะนำมาใช้กับ 3 โครงการ บริษัทจะมีหนี้สินต่อทุนเพียง 0.2 เท่า ขณะที่กระแสเงินสดของบริษัทในปัจจุบันมีมากกว่า 600 ล้านบาท สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในทุกครึ่งปี

และการที่บริษัทได้ทำการลดทุน เพื่อล้างขาดทุนสะสมของ 2 บริษัทลูก คือ โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย กับ น้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลี ซึ่งมีกำไรมาตลอดหลังจากลดค่าเงิน (ปี 47 มีกำไรโรงงานละ 50-60 ล้านบาท) ก็จะทำให้ 2 บริษัทนำกำไรมาจ่ายปันผลให้กับบริษัทได้ด้วย

 กลับขึ้นบน
nikei
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 692
#1 วันที่: 20/08/2005 @ 01:21:12 : re: คลี่ปม KSL "วิ่ง"ทวนกระแส "ฝรั่ง"ไล่
.000A .000A ขอบคุณ ครับ วิ่งแรงจริง ๆ ยอมรับ ครับ .000A .000A
 กลับขึ้นบน
ไข่เจียว
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 17
#2 วันที่: 20/08/2005 @ 20:28:55 : re: คลี่ปม KSL "วิ่ง"ทวนกระแส "ฝรั่ง"ไล่
อืม... .0006
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com