thaihoon สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 | วันที่: 17/11/2020 @ 08:41:46 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ในรอบปีที่ผ่านมา คงไม่มีหุ้นตัวไหนร้อนแรงงงส์เท่ากับหุ้นถุงมือยาง บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT อีกแล้ว โดยเฉพาะในจังหวะที่โควิดระบาดหนัก ทำให้ยิ่งน่าสนใจ ราคาวิ่งทะลุปรอทแตก แม้บางช่วงราคาจะปรับลดลงมาบ้าง แต่ก็กลับมาได้
แน่นอนด้วยสภาพคล่องของหุ้น STGT และตัวธุรกิจที่แนวโน้มเติบโตสูง จึงถูกดึงเข้าคำนวณใน MSCI ทำให้อยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนสถาบันและกองทุนทั่วโลก ขณะที่ในมุมของบริษัทก็ฉกฉวยจังหวะสร้างมูลค่าเพิ่มและความน่าสนใจอีกทาง
เลยเป็นที่มาของ 3 มติบอร์ดล่าสุด
เริ่มตั้งแต่ไฟเขียวแตกพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.50 บาท ซึ่งจะทำให้มีจำนวนหุ้นมากขึ้น จากเดิม 1,434,780,000 หุ้น เพิ่มเป็น 2,857,560,000 หุ้น จะเกิดภาพซื้อง่ายขายคล่อง เย้ายวนให้นักลงทุนเจียดขายหุ้นมากขึ้น
แต่ไฮไลต์จะอยู่ที่ราคาหุ้น
จากก่อนหน้านี้ราคาขึ้นไปเกือบ 100 บาท หลังแตกพาร์ราคาก็จะย่อลงมา การเอื้อมถึงของรายย่อยก็จะมีมากขึ้น ทำให้ไม่ผูกติดกับนักลงทุนรายใหญ่ หรือสถาบันเหมือนในอดีต
ตามด้วยมติปันผลล่อใจ โดยเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.25 บาท หรือคิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์ที่ 1.66% จากราคาปิดวานนี้ (16 พ.ย.) ที่ 75.00 บาท
เรียกว่าเข้ามาเทรดหม้อข้าวยังไม่ทันดำ
ก็ใจดีแจกปันผลผู้ถือหุ้นซะละ
แหม๊
ใจป้ำแบบนี้ผู้ถือหุ้นคงรักตายเลย
เท่านั้นไม่พอ
ยังมีกิมมิกจะเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์อีกต่างหาก เพื่อเพิ่มช่องทางในการระดมทุนในอนาคต รวมทั้งเป็นการสร้างชื่อเสียงและทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับภูมิภาค โดยคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2564
ถ้าดูรูปเกมตามนี้ ในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 25 ธ.ค.นี้ ผู้ถือหุ้น STGT น่าจะกดปุ่มไฟเขียวรัว ๆ
งานนี้ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนใช่ปะคะ..
ก็ถือเป็นความพลิ้วและอาศัยการฉกฉวยจังหวะของผู้บริหาร STGT ที่เห็นหุ้นกำลังดี เลยสร้างสตอรี่ให้น่าสนใจมากขึ้นไปอีก
หลังโชว์งบไตรมาส 3/2563 โตระเบิดระเบ้อทั้งรายได้และกำไร โดยฟาดกำไรไป 4,401.9 ล้านบาท เติบโต 4,113.6% จากเดิมเคยทำได้ 104.5 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 8,142.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 169.9% จากเดิมทำได้ 3,016.3 ล้านบาท
ปัจจัยหลักมาจากราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เติบโตก้าวกระโดดอยู่ที่ 1,140 บาทต่อพันชิ้น (USD 36.3) เนื่องจากความต้องการใช้ถุงมือยางที่ยังเติบโตอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิดในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ถุงมือยางเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน และจำเป็นกับการใช้งานในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกนั่นเอง
ส่งผลให้ 9 เดือนแรก STGT ตุนกำไรไว้แล้ว 5,880.58 ล้านบาท จากเดิมทำได้แค่ 453.25 ล้านบาทเท่านั้น
สมกับการรอคอยของนักลงทุนจริง ๆ
ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดสุกงอมแบบนี้ STGT ก็น่าจะขานรับสถานการณ์โควิดมากขึ้นอีก
ไอ้ที่เห็นตัวเลขเติบโตดีอยู่แล้ว ก็จะเติบโตมากยิ่งขึ้น
แต่ในทางกลับกัน
ถ้าวัคซีนโควิดสำเร็จเมื่อไหร่
? STGT ก็จะลดความน่าสนใจลงเหมือนกัน
เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่ ๆ อยู่ที่ว่าจะเกิดเมื่อไหร่..? เท่านั้นเอง
อิ อิ อิ
|