thaihoon สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 | วันที่: 22/09/2020 @ 08:32:55 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 21 ก.ย.63 ปิดที่ 1,275.16 จุด ลดลง 13.23 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 40,183.89 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,889.07 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์ฯออกแถลงการณ์ให้กลับไปใช้เกณฑ์ ชอร์ตเซล และ ซิลลิ่ง & ฟลอร์ ตามหลักเกณฑ์ปกติ มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากตลาดผันผวนลดลงกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว
ทั้งนี้ เกณฑ์ปกติคือราคาขายชอร์ต (Short Sell) ใช้เกณฑ์ Zero Plus Tick (ใช้ราคาที่สูงกว่าหรือเท่ากับราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย) จากเกณฑ์ชั่วคราวที่จะสิ้นสุดการใช้ 30 ก.ย.63 คือราคาขายชอร์ต ใช้เกณฑ์ Uptick (ใช้ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย) ส่วน ซิลลิ่ง-ฟลอร์ กลับเกณฑ์ปกติคือราคาขึ้น-ลง สูงสุด-ต่ำสุดภายใน 1 วัน ไม่เกิน 30%
ปิดท้าย มีบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง โดย ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ มองแนวโน้มหุ้นไทยระยะสั้น กลางเดือน ก.ย.ถึงสิ้นเดือน ต.ค. ว่า ดัชนีจะแกว่งซิกแซ็กและซึมลง ให้กรอบดัชนี 1,2501,310 จุด
กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ แนะถือหุ้นไม่เกิน 70% หากดัชนีหลุด 1,300 จุด ให้หาจังหวะซื้อเพิ่มแถว 1,250 จุด เลือกลงทุนหุ้นที่คาดว่ากำไรฟื้นตัวได้เร็วในไตรมาส 3 คือ 1.กลุ่มอาหาร หุ้น CPF เด่น หลังได้ปัจจัยบวกจากราคาเนื้อสัตว์ที่สูงขึ้น 2.กลุ่มเครื่องดื่ม แนะหุ้น OSP คาดกำไรโต 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และโต 16% จากไตรมาสก่อนหน้า 3.วัสดุก่อสร้าง หุ้น SCC เด่น คาดกำไรโต 66% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และโต 10% จากไตรมาสก่อนหน้า
4.กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชอบหุ้น DELTA คาดกำไรโต 94% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้า 5.คอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ แนะ SAWAD คาดกำไรโต 14% จากช่วงปีก่อน และโต 10% จากไตรมาส 2 ปี 63 และหุ้น MTC คาดกำไรโต 16% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.กลุ่มประกัน แนะหุ้น TQM คาดกำไรโต 38% จากช่วงปีก่อน และโต 8% จากไตรมาสก่อนหน้า
และยังแนะลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 10-15% จากเงินลงทุนทั้งหมด เน้นประเภทศูนย์การค้า เพราะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ส่วนนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย แนะกองทุน TFFIF ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 3% ต่อปี, DIF ให้ปันผล 5.5-5.8% ต่อปี และกอง JASIF ปันผล 9% ต่อปี.
อินเด็กซ์ 51
|