March 28, 2024   6:39:15 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เงาหุ้น : เลือกหุ้นดีดี!!
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 08/06/2020 @ 08:19:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,435.70 จุด บวก 24.69 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 120,331.42 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 52.23 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด นำโดย BAM ปิด 24.80 บาท บวก 1.20 บาท, PTT ปิด 39.50 บาท บวก 1.50 บาท, PTTEP ปิด 98.75 บาท บวก 6 บาท, ADVANC ปิด 201 บาท บวก 4 บาท และ SCB ปิด 89.25 บาทบวก 1.50 บาท ตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค คาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังทยอยคลายล็อกดาวน์

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยถูกขับเคลื่อนด้วยสภาพคล่องในระบบการเงินเป็นหลัก โดยต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 4 วันติดต่อกัน กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท แต่ตลาดยังขาดปัจจัยพื้นฐานที่หนักแน่นเพียงพอ ฝ่ายวิจัยฯจึงทำการวิเคราะห์หาความต่อเนื่องของ Fund Flow ที่จะคอยหนุนตลาดแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

1. Fund Flow จากต่างชาติ แบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 2 ส่วน คือ

1.1 ค่าเงินบาทแข็งค่าเช่นเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค แสดงให้เห็นว่าความน่าสนใจในการลงทุนถูกกระจายไปทั้งภูมิภาคไม่ใช่เฉพาะไทย ขณะที่ค่าเงินบาทช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นมาแรงถึง 4.66% สูงกว่าประเทศอื่น ประเมินว่าการแข็งค่าอาจเหลือน้อยลง ทำให้ Fx Gain ที่ได้ลดลงตามไปด้วย

1.2. Valuation (PER63F) ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่แพงสุดในภูมิภาค โดยหุ้นไทยฟื้นจากจุดต่ำสุดช่วงกลาง มี.ค.กว่า 442 จุด หรือ 45.6% จนมีค่า PER63F ที่ฝ่ายวิจัยประเมินสูงถึง 22 เท่า สูงสุดในภูมิภาค

2. Fund Flow จากนักลงทุนในประเทศ วิเคราะห์ออกเป็น 2 ส่วน คือ 2.1. Valuation (PER63F) ล่าสุดที่ระดับ 22 เท่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับในอดีตขณะที่ PER63F เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 16 เท่า เท่านั้น

2.2. Market Earning Yield Gap ตลาดหุ้นไทยล่าสุด แคบลงมาเร็วเหลือเพียง 3.98% (จาก 5.5% ในเดือน มี.ค.) และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 4.25% เนื่องจากดัชนีที่ปรับขึ้นแรง บวกกับ Bond Yield ที่เริ่มทยอยขยับขึ้น ทำให้ความน่าสนใจในการ Search for yield เริ่มลดน้อยลงกว่าในอดีตมาก

สรุปตลาดหุ้นไทยแพงมากทั้ง 2 มิติ คือ เมื่อเทียบกับในอดีตและในภูมิภาค ขณะที่แรงขับเคลื่อนจากสภาพคล่องส่วนเกิน ทั้งจากนักลงทุนต่างชาติและสถาบัน มีโอกาสลดน้อยถอยลง จาก Market Earning Yield ที่ไม่ค่อยจูงใจ ดังนั้นกลยุทธ์เน้นหุ้นดีดี (Dividend & Defensive) คือ หุ้นปันผล ชอบ TTW, BBL, LH หุ้นผันผวนต่ำ ADVANC, BDMS, CPALL, BCPG ผสมหุ้นที่มีกระแสเก็งกำไร ชอบ AMATA, STEC!!

อินเด็กซ์ 51

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com