*ดูเหมือนทั่วโลกจะดีใจกับเรื่องวัคซีนป้องกันไข้หวัดมรณะมากเหลือเกิน จึงทำให้นักลงทุนทั่วโลกกระโจนเข้ามาไล่หุ้นกันอย่างคึกคัก จนตลาดหุ้นที่ต่าง ๆ พากันปิดเขียวปี๋อย่างง่ายดาย และยังเป็นการวิ่งทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นมาแบบชิว ๆ “โมนิก้า” ย่อมสนใจเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะทำให้สถานการณ์หลายอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ จึงต้องเม้าท์ถึงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษนะตัวเอง

*โดยเฉพาะในมุมที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดบริเวณ 1,309.95 จุด บวกไป 23.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.88 หมื่นล้านบาท พร้อมกับเป็นการวิ่งทะลุแนวต้านสำคัญ 1,300 จุดแบบไม่ทันตั้งตัว และเหนือความคาดฝันไปมาก “โมนิก้า” มองเป็นจุดที่ต้องกลับมานั่งดีดลูกคิดยกใหญ่ เพราะเมื่อสำรวจตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในเที่ยวนี้ มันไม่มีตัวเลขไหนที่ทำให้เชื่อว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะรวดเร็วเลยน่ะซี

*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องกลับมาตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันมาจาก “ฟีลลิง” หรือ “แฟ็กต์” เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้ออกไปในโทนของกระแสความเชื่อเป็นหลัก จึงมีความจำเป็นต้องแยกแยะการเล่นเที่ยวนี้ให้ชัดเจน อย่าหลงเข้าไป “ไล่หุ้น” จนเพลิดเพลินเจริญใจแล้ว “ลืมขายหุ้น” เป็นอันขาด เพราะหุ้นบางตัวมันไม่ควรขึ้นมาเผยอหน้าด้วยซ้ำไป แต่พี่ท่านกลับพุ่งปรี๊ดปร๊าดแซงหน้าชาวบ้านขึ้นมาดื้อ ๆ น่ะซี

*โดยเฉพาะในรายของน้องมิ้น MINT ขาดทุนบักโกรกจนต้องประกาศเพิ่มทุน เพื่อเอาเงินมาช่วยต่อลมหายใจของธุรกิจอีกเฮือก แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับเด้งรับข่าวด้วยการขึ้นมาปิดที่ 18 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 7.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.35 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปมาก จึงอยากให้แฟนคลับระวังมากเป็นพิเศษนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของเจ้าจำปี THAI กระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.70 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 14.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 823 ล้านบาท กลายเป็นอีกหนึ่งกรณีที่โคตรอันตรายสำหรับการเล่นหุ้น เพราะของมันเห็นกันเต็มสองลูกตาว่าเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และในไม่ช้าจะต้องโดนแขวน SP เดี๊ยนถึงมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลยพับผ่าซิ

*คล้ายกับกรณีของหุ้นสตอรี่อัดแน่นอย่างน้องเน็ก NEX ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ทำให้หลายคนงุนงงมากสำหรับการกระชากขึ้นมาปิดที่ 3.90 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 14.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 133 ล้านบาท เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่ากลุ่มทุนใหญ่เข้ามาเพิ่มทุนเท่าตัว บวกกับโปรเจกต์ใหญ่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ผสานกับราคาเพิ่มทุนอยู่แค่ 2.40 บาท เดี๊ยนเลยสงสัยว่าหุ้นจะยืนระยะรอข่าวไหวเหรอ ?

*ไหน ๆ เม้าท์ถึงหุ้นแปลกขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันมาดูหุ้นเดินเรือ PSL เพื่อชี้ให้เห็นกระแสความเชื่อที่ถาโถมเข้ามาอย่างมากมายก่ายกอง จนดันราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 3.94 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 14.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 234 ล้านบาท มันค่อนข้างแปลกแหวกแนวเกินไปหน่อย เพราะธุรกิจเดินเรือยังมีผลขาดทุนให้เห็นเป็นระยะ แต่ราคาดันเกาะกระแสตลาดหุ้นขึ้นมาแบบนี้..มันใช่ของจริงหรือเปล่าตัวเอง!

*ส่วนหุ้นอีกตัวที่น่าข้องใจไม่แพ้กับรายข้างต้น “โมนิก้า” กลับมองไปที่หุ้นบันเทิงเริงรำ MAJOR เป็นรายถัดมาในทันที เพราะการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 15.40 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 11.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 263 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่มีข้อสรุปไวรัสจะตามหลอกหลอนไปอีกนานแค่ไหน ? มันน่าจะเป็นการเก็งล่วงหน้าเยอะเกินไปหน่อย จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการเคาะสั้น ๆ พะยะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวคล้ายกับหุ้นขนมหวาน AU กระชากขึ้นพรวดพราดแบบไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า จนสุดท้ายขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 9.25 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 310 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับ “New Normal” แบบเต็ม ๆ แถมพฤติกรรมของคนในปัจจุบันหันไปทางออนไลน์มากขึ้นแบบจะแจ้ง บรรดาแมงลือเลยสงสัยว่ากำไรจะกลับมาพีกอย่างไร ? เดี๊ยนถึงสงสัยการเข้ามาไล่หุ้นเที่ยวนี้มีแต่พวกบัวหลวงกระมัง!..หรือถ้าอยากรู้จริง ๆ คงแนะนำให้ไปถามเอ็มดีที่มีชื่อว่า “แม่ทัพ” น่าจะดีกว่า..อิอิอิ