*เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ในช่วงไวรัสมรณะยังแพร่ระบาดหนัก จนทำให้ร้านรวงเจ๊งระนาวกันเป็นแถบ ทำให้เดี๊ยนต้องหันมาเม้าท์เรื่องสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อชี้ให้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจะหนักหน่วงสุด ๆ ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าแน่ ๆ จึงอยากให้มิตรรักแฟนเพลงดูแลสภาพเงินสดในกระเป๋าให้ดีสุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อดังกล่าวไปได้ น่าจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นตามหลังมาอีกมากมาย (หวังว่าจะเป็นเหมือนที่คาดการณ์) นะคะ

*ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมการทำงานของ ธปท. ส.ธนาคาร และ ก.ล.ต. ที่ช่วยกันออกมาผลักดันมาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคการเงิน เพื่อให้ทุกภาคธุรกิจมีแรงเดินต่อไปได้อีกระยะหนึ่งนั้น มันเหมือนเป็นการผ่อนหนักเป็นเบาที่เห็นเป็นรูปธรรมมากสุด “โมนิก้า” จึงขอปรบมือให้กับการทำงานที่เริ่มเข้าใจโลกธุรกิจมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน และเลิกทำตัวเป็นพวกหัวสี่เหลี่ยมที่มัวแต่ยึดเอาตำราเป็นที่ตั้งเจ้าค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่วอร์รี่กับการแกว่งตัวไปมาของดัชนีที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ และการเหวี่ยงตัวคงไม่รุนแรงเหมือนในช่วงเดือนก่อน เพราะตอนนี้กองทุนเข้ามารับบทพยุงหุ้นสุดตัว ดัชนีถึงยืนหยัดเหนือ 1,100 จุดได้เป็นเวลานานถึง 4 วัน เมื่อดูร่วมกับการยืนปิดที่ 1,138.84 จุด บวกไป 0.57 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.97 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่านักเล่นมองหุ้นที่ได้รับ “ผลดี” และ “ผลเสีย” แต่ละกลุ่มอย่างแตกฉานไงล่ะจ๊ะ

*เหมือนกับสถานการณ์ป้อแป้ของหุ้นสินเชื่อสิบล้อ THANI ล้วนเป็นผลมาจากความกังวลหลายเรื่องด้วยกัน แต่ที่หนักสุดในเที่ยวนี้คงเป็นเรื่องสภาพคล่องที่ผู้คนกังวลกันว่าจะมีเงินมาไถ่ถอนหุ้นกู้ที่มากถึงหมื่นล้านไหม ? ร้อนถึงผู้บริหารต้องออกมาชี้แจงสังคมทันทีว่า ส.บ.ม.ย.ห. แต่ราคาหุ้นก็ไม่ตอบรับถ้อยแถลงดังกล่าวสักเท่าไหร่! พร้อมกับฉุดราคาหุ้นลงมาปิดที่ 3.10 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 370 ล้านบาทนะตัวเอง

*เรื่องข้างต้นกลายเป็นประเด็นที่ผู้คนโยงมั่วกันไปหมด และหวยก็มาออกที่หุ้นร้อน MTC อีกครั้งแบบช่วยไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งโดนมือมืดป้ายสีเละเทะไปหยก ๆ ล่าสุดก็มีประเด็นเรื่องหุ้นกู้โผล่ขึ้นมาเล่นงานอีกจนได้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับช่วยกันใช้ความคิดนิดหนึ่งว่า มีมูลไหม ? และการอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ 31.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 716 ล้านบาท เป็นช็อตของการซื้อเล่นสั้นไหมเอ่ย ?

*คล้ายกับกรณีของหุ้นแบงก์สีเขียว KBANK เกิดความระส่ำขึ้นมาอีกคำรบ มาจากประเด็น “เฮียบัณฑูร” ขอลงจากตำแหน่ง พร้อมกับหนุนหญิงแกร่ง “กอบกาญจน์” ขึ้นมารับไม้ต่อเป็นการชั่วคราวนั้น มีส่วนทำให้ความมั่นใจในการเล่นหุ้นแบงก์ตัวนี้ลดลงไหม ? เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 87.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.15 พันล้านบาท มันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เล่าให้ฟังขนาดไหน ? หรือตอนนี้คนเขากังวลหนี้เสียมากกว่ากัน..ลองไปคิดดูนะคะ

*ส่วนหุ้นที่มีเงินสดเพียบเป็นกะตั้ก ๆ อย่าง WORK ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเล่นสั้นอย่างแน่นอน แม้จังหวะนี้จะได้รับผลกระทบไวรัสมรณะแบบเต็ม ๆ แต่เมื่อดูจากนโยบายปันผลที่ผ่านมาจ่ายไม่อั้น ผนวกกับบุ๊กแวลูอยู่สูงถึงระดับ 10 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการไล่ราคาเที่ยวนี้เป็นผลมาจากองค์ประกอบต่าง ๆ เป็นใจ ผนวกกับหุ้นลงมาค่อนข้างลึกเป็นทุนเดิม จึงเห็นการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 7.15 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59 ล้านบาทอย่างง่ายดาย..ส่วนจะเล่นยาวกันแค่ไหน ต้องดูกันเอาเองค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่ถือเป็นตัวเลือกหลักในยามที่ทุกอย่างซวนเซไม่เป็นขบวน “โมนิก้า” คงให้ความสำคัญไปที่หุ้นเก็บหนี้ JMT เพื่อชี้ให้เห็นฐานะการเงินคล่องตัวมากจริง ๆ จนนำไปสู่นิยามคำพูดที่ว่า หากเกิดวิกฤติขึ้นมาจริง ๆ บริษัทยังมีเงินสดเข้ามาไม่ขาดมือเป็นเวลานานถึง 5 ปี และด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 13.60 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 186 ล้านบาทแบบสบาย ๆ นะคะ

*ตบท้ายกันที่ความวุ่นวายของหุ้น DIMET กันสักหน่อยดีกว่า เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว จึงไม่มีวี่แววจะจบลงง่าย ๆ แต่ที่ปัญญาอ่อนเหลือเกินในที่นี้คือ ดันมีสื่อก๊องแก๊งกระโจนเข้าไปมั่วกับเขาด้วย พร้อมกับเรียกร้องหน่วยงานอย่าง ก.ล.ต. และ ตลท. ให้หันมาใส่ใจเรื่องนี้หน่อย “โมนิก้า” เลยรู้สึกอายแทนจนแทบจะเอาปี๊บคลุมหัว เพราะคนในวงการสื่อดันสำคัญผิด เพราะเรื่องใหญ่ที่หน่วยงานดังกล่าวกำลังทำคือ ช่วย บจ.ให้รอด และเปิดช่องให้ทำงานง่ายขึ้น..ส่วนเรื่องหมากัดกัน ก็ปล่อยมันไปเถอะ!เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอเป็น..ไปด้วยนะยะ