ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 มี.ค.63 ปิดที่ 1,099.76 จุด เพิ่มขึ้น 7.80 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 65,440.06 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 232.47 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 30 บาท ลบ 1.25 บาท, GULF ปิด 149 บาท บวก 2 บาท, BAM ปิด 18.60 บาท บวก 0.20 บาท, CPALL ปิด 60.25 บาท บวก 0.50 บาทและ ADVANC ปิด 199 บาท ลบ 3 บาท

บล.ทรีนีตี้ สรุปรายละเอียดและมุมมอง จากการที่รองนายกรัฐมนตรี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เรียกประชุมด่วนระหว่างหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการคลัง ธปท. สมาคมธนาคาร และสำนักงาน ก.ล.ต.

โดยคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 เฟส 3 ที่มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับ Local Economy โดยเน้นสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจในกลุ่มชุมชนท้องถิ่นต่างจังหวัด เพื่อสร้างการจ้างงานให้กลุ่มแรงงานที่ย้ายกลับถิ่นฐาน โดยเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใน Local กันเอง เพื่อส่งเสริมกลุ่มฐานรากให้มีรายได้พอประคับประคองในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า และมีความเป็นไปได้ในการออก พ.ร.ก.เงินกู้ 2 แสนล้านบาท!!

โดยทรีนีตี้มีมุมมองว่า หากมาตรการเยียวยาเฟส 3 ออกมาในรูปแบบนี้จริง จะเป็นการสอดรับกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท.ที่ออกมาก่อนหน้านี้ และมาตรการชุดนี้จะไม่ได้มุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการ เนื่องจากเพิ่งมีการช่วยเหลือผ่านมาตรการสินเชื่อและมาตรการภาษีมาก่อนหน้านี้

หากเกิดขึ้นจริงและมีประสิทธิผล มองว่าจะทำให้เงินในกระเป๋าของกลุ่มฐานรากเพิ่มขึ้นได้ เพื่อนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าจำเป็น และ/หรือ นำไปชำระคืนหนี้

มองธุรกิจหรือกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากธีม Local Economy นี้ คือ กลุ่ม Consumer staple คือหุ้น CPALL, BJC, MAKRO และกลุ่ม Consumer Finance คือหุ้น MTC, SAWAD, AMANAH

ปิดท้ายฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส แนะนำทางเลือกการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงและสูงกว่าผลตอบแทนของตราสารหนี้ คือ หุ้นปันผลสูงที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง น่าลงทุน ดังนี้ MCS ให้ Div Yield 20F ที่ 10.96%, LH 10.24%, DIF 7.83%, INTUCH F 5.29% และ BAM F 4.94%

ส่วน top picks เลือกหุ้นปันผลสูง อย่าง MCS และหุ้นที่ได้ Sentiment จากการช่วยเหลือของภาครัฐ อย่าง CPALL!!

อินเด็กซ์ 51