*ช่วงเช้าก่อนเปิดเทรดวันศุกร์ “โมนิก้า” ยังเดินชมนกชมไม้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ เพราะไม่มีประเด็นที่ทำให้เกิดความรู้สึกคาใจ จึงจิตนาการถึงแรงซื้อที่เข้ามาในหุ้นแต่ละตัวน่าจะเล่นยาว เพราะมีสตอรี่กำไรโตเป็นแบ็กอัพของการเคาะขวารัว ๆ เดี๊ยนเลยเลือกที่จะมองข้ามประเด็นที่ทำให้หงุดหงิด พร้อมกับเอาเวลาที่มีอยู่ไปประเมินอัพไซด์หุ้นที่เป็นเป้าหมายของแมงเม่าไงล่ะคะ

*ประกอบกับเห็นตอนเปิดเทรดดัชนีพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 1,540.28 จุด เลยทำให้เจริญอาหารมากขึ้นกว่าปกติ เพราะทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ในระหว่างเทรดจะมีอาการสวิงไปมาให้เห็นตลอดเวลา จนสุดท้ายดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,526.30 จุด ลบไป 6.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.18 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทำให้เซียนเทคนิคฟันกำไรเหนาะ ๆ ไปหลายรอบด้วยกันเจ้าค่ะ

*น่าเสียดายที่อารมณ์ฟิน ๆ ของเดี๊ยนต้องมลายหายไปหมดสิ้นในพริบตา หลังจากแมงลือเม้าท์ถึงเผือกร้อนชิ้นใหม่กันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับจุดประเด็นที่ทำให้เห็นว่า น้องโมต้อง ส.ใส่เกือกแบบสุดซอย! เพื่อทำให้นักเล่นหูตาสว่างมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเป็นการเตือนความจำคนรุ่นเก่าให้เห็นภาพโสมมของนักเล่นแร่แปรธาตุ มันมีเรื่องที่ทำให้พวกชอบแส่ส่งข้อมูลมาให้น้องโมไม่หยุดพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะความวุ่นวายที่เกิดในห้องประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ACAP เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องกระโดดลงไปแจมด้วยความเต็มใจ เพราะชื่อเสียงของผู้บริหารสาวสวย ค. เรื่องลือระบือไกลไปทุกหย่อมหญ้า ผนวกกับก่อนหน้านี้เพิ่งสร้างวีรกรรมด้วยการใช้วิชาโยกย้ายถ่ายโอนเส้นทางการเงินของบริษัทลูก จนทำให้คนใกล้ชิดเดือดร้อนกันเป็นแถว ก่อนจะกระโดดหนีไปทีละตัวสองตัว..จำได้ไหมเอ่ย ?

*ล่าสุดดันมีเรื่องเกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อผู้ถือหุ้นกู้ออกมาโวยวายกลางวงประชุมว่า ประธานแสดงกิริยาโอหังต่อหน้าคนเป็นร้อย และยังไม่ให้เกียรติคนที่พยายามชี้แนะเรื่องสีเทาที่เกิดขึ้นยุ่บยั่บ จนประธานต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่ปิดไมค์ และทำการเชิญออกนอกห้องประชุมเท่านั้นแหละ! เหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนำไปสู่เสียงซุบซิบนินทาถึงน้องนางหน้าบานกันยกใหญ่เจ้าค่ะ

*ถึงกระนั้นต้องยอมรับว่าจุดพีกของการประชุมในเที่ยวนี้ คือการโหวตคว่ำชนิดที่ผู้บริหารตาตั้ง เพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ยืดหนี้หุ้นกู้ ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดให้เห็นว่า ผู้ถือหุ้นกู้ไม่มั่นใจในตัวบริษัท และต้องการได้เงินคืนเร็วสุดเท่าที่จะทำได้ หลังเห็นงบ 9 เดือนปรากฏตัวเลขแดงโร่ “โมนิก้า” ถึงมองประเด็นนี้เป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐจับตาดูเป็นพิเศษ และในไม่ช้าอาจมีคนโดนเชือดแน่ ๆ พะยะค่ะ

*ประเด็นถัดมาคงเป็นเรื่องของหุ้นน้องใหม่อย่าง บมจ.ไซมิสฯ ภายใต้การกุมบังเหียนของเฮีย “ขจรศิษฐ์” ก็เป็นอีกหนึ่งเคสที่มีการเม้าท์มอยกันเยอะมาก ๆ เพราะคนในวงการตลาดหุ้นต่างพูดถึงอีตาคนนี้ในทางลบกันเป็นแถว (เดี๊ยนไม่รู้จริง..จริง..งงง ว่าตั่วเฮียไปทำอะไรไว้..โปรดทำปากเบะ ๆ และพูดเสียงสูง ๆ) ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เดี๊ยนต้องรำลึกถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับหุ้น MAX อย่างเร่งด่วนนะจะบอกให้

*เรื่องของเรื่องในตอนนั้นมีการอ้างถึงอีตาคนนี้แหละ ว่าน่าจะเป็นคนที่ปั้นให้ MAX รุ่งโรจน์โชติช่วงชัชชวาล เพราะเอาธุรกิจไฟฟ้าเข้ามาใส่เพื่อปั๊มกำไรอย่างเต็มที่ แถมยังมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่อย่าง “ฤทธา” ผสานกับมีโครงการคอนโดที่ชื่อ “ไซมิส” อยู่ในพอร์ตอีกต่างหาก ซึ่งเป็นสตอรี่ที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดขึ้นไปถึง 0.70-0.80 บาท ขณะที่ต้นทุนฝั่งนี้อยู่แค่ระดับ 0.05 บาท เท่านั้นนะจ๊ะ

*สุดท้ายวิมานที่วาดฝันก็พังทลายไม่มีชิ้นดี และเดี๊ยนก็ไม่รู้ไปขัดกันอีท่าไหน ? จนทำให้อีตาคนนี้ขายทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย ต่อจากนั้นราคาหุ้นก็ไหลรูดเหมือนกับคนท้องเสีย และทำให้หุ้นย่ำฐานอยู่ที่บริเวณ 0.02 บาทเป็นเวลานานกว่า 2 ปี ซึ่งในระหว่างทางก็มีดราม่าเกิดขึ้นมากมายหลายเรื่องอีกด้วย และตัวของ “โมนิก้า” ก็คงนั่งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น 3 วัน 3 คืน ไม่หมดหรอกค่ะ

*เอาเป็นว่าวันนี้ปรากฏชื่อ “อีตาขจร” กับ “บล.เอเซีย พลัส” ขึ้นมาอีกครั้ง สังคมในแวดวงตลาดหุ้นเลยเกิดอาการหูผึ่งกันเป็นแถวแบบนี้ “โมนิก้า” คงให้ความสำคัญกับโบรกฯ ของ “อีตาก้อง” เข้าไปเกี่ยวข้องกับดีลนี้ได้อย่างไร ? ในเมื่อผู้คนมากมายมองเป็นเผือกร้อน หรือมองตัวเองว่า ยังเตะปี๊บดัง ? ถึงกล้าลุยแบบสุดซอย และเรื่องนี้จะลงเอยแบบไหน ? คงต้องติดตามดูตอนต่อไปนะคะ

*ป.ล.วันนี้ “โมนิก้า” ขอทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวในตลาดหุ้นอีกครั้ง เพื่อทำให้แมงเม่าได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่ถูกพาดพิงได้ออกมาชี้แจงกับสังคม ว่าสิ่งที่เขาลือ..ใส่ไข่เยอะไปไหม..อิอิอิ