ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 ก.พ. 63 ปิดที่ 1,526.30 จุด ลดลง 6.47 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 61,837.84 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,578.40 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 31.50 บาท ลบ 1 บาท, GPSC ปิด 74.25 บาท ลบ 2.75 บาท, KCE ปิด 24 บาท ลบ 0.70 บาท, CPALL ปิด 69.75 บาท ลบ 1.75 บาท และ BEAUTY ปิด 2.60 บาท ลบ 0.02 บาท


มีข่าว ก.ล.ต. แนะนำผู้ลงทุนที่ต้องการใช้สิทธิเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายโดยการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ให้สามารถดำเนินการ ตามขั้นตอน ดังนี้
1.รวมตัวกับผู้ลงทุนอื่นที่ได้รับความเสียหายภายใต้สถานการณ์เดียวกัน

2.รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าเสียหาย

3.ติดต่อทนายความเพื่อเตรียมนำคดีขึ้นสู่ชั้นศาล

หากเป็นกรณีที่ได้รับความเสียหายจากการผิดสัญญา ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงก่อนฟ้องคดีที่ระบุในสัญญาก่อน เช่น มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้ชำระหนี้

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มมาตรการให้ผู้เสียหายได้รับการชดใช้หรือเยียวยาความเสียหาย โดยใช้การดำเนินคดีแบบกลุ่มเป็นเครื่องมือในการดำเนินคดี ก.ล.ต. จึงประสานงานกับสภาทนายความ ตลาดหลักทรัพย์และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เพื่อเป็นแนวร่วมส่งเสริมให้มีการใช้การดำเนินคดีแบบกลุ่มในตลาดทุนให้มากขึ้น

ก.ล.ต.ได้ให้ตัวอย่างการกระทำความผิด หรือความรับผิดตามกฎหมาย ที่อาจร้องขอต่อศาลให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ เช่น กรณีมีผู้กระทำผิดฐานใช้ข้อมูลภายใน ฐานสร้างราคาหลักทรัพย์ และกระทำทุจริตหรือบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ผิดนัดไม่ชำระหนี้

ปิดท้าย บล.ทิสโก้ แนะทยอยซื้อหุ้นจีน หลังคาดว่าตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวหากตัวเลขผู้ป่วยใหม่ชะลอตัวลงโดยหุ้นเด่นอยู่ในกลุ่มเทคโนจีน โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในจีน เนื่องจากคนจีนเลือกอยู่ในบ้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง โดยแอปที่ได้ประโยชน์ครั้งนี้ ได้แก่ แอปพลิเคชันจัดส่งอาหาร Meituan ในเครือ Alibaba, การนัดพบแพทย์ในจีนผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อตรวจการติดเชื้อไวรัสโคโรนาเบื้องต้น รวมถึงการใช้ WeChat ของ Tencent

และกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว อาทิ บริษัท Jiangsu Wuzhong ผู้ผลิตยา Arbidol ที่ใช้ในการรักษาโรคไข้หวัด และบริษัท Porton Pharma ผู้จัดหาวัตถุดิบและเป็นตัวกลางผลิต Darunavir ซึ่งเป็นยารักษา HIV ในจีน โดยยาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องในการรักษาไวรัสโคโรนาส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น.

อินเด็กซ์51