ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.พ.63 ปิดที่ 1,519.38 จุด เพิ่มขึ้น 23.32 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 58,698.59 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 450.45 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 70.75 บาท บวก 0.50 บาท, BAM ปิด 27.50 บาท บวก 1.75 บาท, CPALL ปิด 69.75 บาท บวก 1.75 บาท, PTTEP ปิด 124.50 บาท ลบ 0.50 บาท และ SCC ปิด 364 บาท บวก 6 บาท
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์

บล.ทรีนีตี้ มองภาพรวมตลาดหุ้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า นักลงทุนยังต้องระมัด ระวังการลงทุน มีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตาม ทั้งพัฒนาการของเชื้อไวรัสโคโรนา, พ.ร.บ.งบปี 63 ที่รอผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ, การประชุม กนง. รวมถึงการเข้ามาซื้อขายหุ้น CRC ในเดือนนี้ล้วนมีผลกระทบต่อการลงทุนทั้งสิ้น ประเมินดัชนีเดือนนี้ไว้ที่ 1,470-1,550 จุด

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่ MSCI อาจปรับลดน้ำหนักหุ้น KBANK ในการประกาศ Quarterly Index Review ประจำเดือน ก.พ. หลัง ธปท.ปรับลด NVDR Limit ของ KBANK ลงจาก 35% มาสู่ระดับ 25% ช่วงปลาย ม.ค. ซึ่งหากไม่เกิดขึ้นในรอบนี้ คาดว่าอย่างช้า จะเกิดขึ้นภายในรอบการประกาศ Semi-Annual Index review ถัดไป 12 พ.ค.นี้

ยังคงแนะลงทุนหุ้นกลุ่มปลอดภัย คือ REIT และ IFF, กลุ่มโรงพยาบาล ที่มัก Outperform ตลาดในช่วงที่เกิดโรคระบาด เลือก BDMS-BCH, กลุ่มสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร ไม่มีความเกี่ยวโยงกับโรคระบาด และมีโอกาสซื้อสินทรัพย์ในราคาถูก ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เลือก BAM, กลุ่มอาหาร ที่ได้ประโยชน์จากราคาสัตว์สูงขึ้น รวมถึงเงินบาทที่อ่อนค่า ชอบ CPF

ส่วนการเข้ามาซื้อขายของหุ้น CRC ประเมินว่าหุ้น CRC จะเข้าเกณฑ์หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ได้ทันที ทำให้มีหุ้นที่จะถูกถอดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 แทน คือ BPP-AAV แนะเลี่ยงไปก่อนในช่วงนี้

นอกจากนี้ หุ้น CRC ที่มีแนวโน้ม PE สูงกว่าตลาดจะทำให้ PE ของดัชนีตลาดสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ ผ่านประมาณการ EPS ที่ถูกลดทอนลง ทั้งนี้ จากการคำนวณของทรีนีตี้ ล่าสุดพบว่าประมาณการ EPS ของดัชนีปี 63-64 จะถูกปรับลงราว 1.5-1.7 บาทจากเดิม หรือราว 1.5-1.6% ซึ่งจะทำให้ Upside ของดัชนีตลาดถูกจำกัดมากขึ้น!!

อินเด็กซ์51