thaihoon สมาชิก จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 วันที่: 16/09/2019 @ 08:24:50
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่
ผลการโหวต
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ก.ย.62 ปิดที่ 1,661.96 จุด บวก 1.28 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 52,936.38 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 400.42 ล้านบาท
ตลาดแกว่งผันผวนมีปัจจัยบวกจากประเด็นสงครามการค้าที่คลายความตึงเครียดลงและการผ่อนคลายการเงินจาก ECB เป็นผลดีต่อตลาดหุ้น EM แต่กรอบฟื้นตัวยังจำกัดขณะที่ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 ปี
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GULF ปิด 149 บาท บวก 2 บาท, KBANK ปิด 165.50 บาท ลบ 4 บาท, PTT ปิด 45.50 บาท
ไม่เปลี่ยนแปลง, ADVANC ปิด 223 บาท บวก 2 บาท, SCB ปิด 125 บาท บวก 1.50 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เผยบทวิเคราะห์สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว และหลุด 30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบ 6 ปี 4 เดือนที่ 30.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ประเมินว่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว
มาจากปัจจัยดังนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และ 10 ปี ที่เพิ่มขึ้น 13 bps. และ 18 bps. อยู่ที่ 1.485% และ 1.645% ตามลำดับ ทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงปรับตัวขึ้น จนกระตุ้นให้เกิดแรงเก็งกำไรในค่าเงินบาทระยะสั้น
ขณะที่มีแรงเร่งซื้อเงินบาทของผู้ส่งออก หลังจากหลุดแนวรับสำคัญแถว 30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้นต่อในอนาคตอันใกล้นี้ รวมทั้งเงินทุนต่างชาติที่เข้ามารอซื้อหุ้น IPO ขนาดใหญ่ เช่น AWC และ CRC ในช่วงปลายปี
ขณะที่ประเมิน กนง. อาจยังไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุม 25 ก.ย. 62 ตาม ECB และ FOMC
ทั้งนี้ มองผลกระทบค่าเงินบาทต่อ SET Index และการไหลของกระแสเงินต่างไปจากอดีต ถ้าพิจารณาข้อมูลสถิติ 10 ปีย้อนหลัง พบว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะหนุนให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า และ SET Index ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงปี 52-58
แต่หลังจากนั้นการแข็งค่าเงินบาทกลับไม่ได้เป็นบวกกับ SET Index และกลายเป็นตัวแปรที่กระตุ้นให้ต่างชาติขายหุ้น เพื่อทำกำไร
ทั้งจากส่วนต่างราคาหุ้นและการแข็งค่าของเงินบาท ถ้าอิงจากรูปแบบความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป การแข็งค่าของเงินบาทรอบนี้
ดูมีความเสี่ยงที่จะไปจำกัด Upside ของ SET Index ไม่ให้เกิน 1,700 จุด
และมีความเสี่ยงที่จะไปกระตุ้นให้ต่างชาติซึ่งเริ่มชะลอการขายหุ้น พลิกกลับมาเร่งขายหุ้นต่อเนื่องอีกครั้ง!!
อินเด็กซ์ 51