thaihoon สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 | วันที่: 03/07/2019 @ 08:18:12 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ก.ค.62 ปิดที่ 1732.23 จุด ลดลง 8.68 จุดมูลค่าการซื้อขาย 66,152.36 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,195.65 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GULF ปิด 129.50 บาท บวก 2 บาท, SCB ปิด 141 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 86.75 บาท บวก 0.75 บาท, PTT ปิด 48.50 บาท ลบ 1 บาท, PTTEP ปิด 134.50 บาท ลบ 2.50 บาท
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ คาดเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,700-1,750 จุด และเมื่อดัชนีปรับตัวถึงแนวต้านดังกล่าว มีโอกาสเกิดแรงขายทำกำไรแนะนำให้เริ่มเข้าซื้อที่ระดับ 1,600 จุด
มองการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนจะดำเนินต่อไปในช่วงครึ่งปีหลังและยังมีความเสี่ยงเป็นตัวฉุด sentiment ตลาดการเงิน และภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเชื่อว่าสหรัฐฯ กับจีนจะบรรลุข้อตกลงทางการค้าบางอย่างร่วมกันได้บ้างในอนาคต แต่สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
และมองว่าสหรัฐฯ จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ก.ค.นี้ เนื่องจากสหรัฐฯยังไม่ประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าอีก 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะการเพิ่มภาษียังกระทบภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯอยู่ ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ กลับมาประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจำนวนดังกล่าวมีโอกาสกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนจะปรับตัวลดลงอีก15-20% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะแข็งแกร่งกว่าโดยมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง 7-10% จากระดับปัจจุบัน
แนะกลยุทธ์ลงทุนไตรมาส 3 เน้นหุ้นที่อ้างอิงปัจจัยในประเทศ (domestic play) ที่มีประเด็นการเติบโตและได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ทั้ง AMATA ซึ่งกำไรแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และได้ประโยชน์จาก EEC
หุ้น ROJNA รายได้ประจำช่วยป้องกันความเสี่ยงและได้ประโยชน์จากวัฏจักรการลงทุนรอบใหม่, กลุ่มการแพทย์ CHG หลังเชื่อมั่นผลประกอบการที่แข็งแกร่ง คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้นครึ่งปีหลัง
กลุ่มธนาคาร KTB มีกำไรพิเศษได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายภาครัฐและสินเชื่อฟื้นตัว และกลุ่มปิโตรเคมี แนะ IVL ซึ่งมี valuation ไม่แพงและกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและยังมีผลกระทบน้อยที่สุดจากสงครามการค้าในปัจจุบัน!!
อินเด็กซ์ 51
|