หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 74.25 บาท บวก 0.50 บาท, PTT ปิด 48.75 บาท บวก 0.75 บาท, BEM ปิด 11.40 บาท ลบ 0.40 บาท, PTTEP ปิด 135 บาท บวก 3.50 บาท และ CPALL ปิด 85 บาท บวก 0.75

“ภาสกร ลินมณีโชติ” รองกรรมการผู้จัดการ และนายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เผยว่า ฝ่ายวิจัยเตรียมปรับเพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 62 จากเดิมอยู่ที่ 1,725 จุด เนื่องจากดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง และผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯได้ปรับลงเช่นกัน ส่งผลให้มีเม็ดเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้น พ.ค.ถึงปัจจุบัน ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของ สหรัฐฯลดลงมา 0.4% ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 100 จุด โดยปัจจุบันผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ (bond yield) อยู่ที่ 1.99% หากปรับลงไปถึงระดับ 1.75% มีโอกาสที่หุ้นไทยจะขึ้นทดสอบระดับ 1,800 จุดได้ แต่ระยะสั้นใน 1 เดือนข้างหน้า หุ้นไทยมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,750 จุด ทั้งนี้ การที่ยีลด์ลดลงจะทำให้นักลงทุนมองหาโอกาสลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นตลาดเกิดใหม่

สำหรับหุ้นเด่นแนะนำลงทุน คือ กลุ่มพลังงาน มีมุมมองเป็นกลาง แต่ลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีลงเป็นลบ แนะหุ้นเด่น PTTEP ประมาณการกำไรมีความผันผวนต่ำกว่ารายอื่น ให้ราคาเป้าหมาย 148 บาท และ PTTGC มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่น่าดึงดูด และมี Downside จำกัด ให้ราคาเป้าหมาย 69.30 บาท

ปิดท้าย มีข่าวฝากถึงผู้ถือหุ้น บมจ.พีพี ไพร์ม (PPPM) ที่ถามไถ่มาว่าช่วงเพิ่มทุนจะได้ PPPM-W4 หรือเปล่านั้น ซีอีโอ “พลเอกเชาวฤทธิ์ ประภาจิตร์” มายืนยันเองว่าได้สิทธิ์ทุกคนแน่นอน ตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตรา 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วย PPPM-W4 โดย PPPM-W4 มีอายุ 5 ปี กำหนดราคาใช้สิทธิ์ที่ 1 บาทนะ เข้าใจตรงกัน!!

อีกตัว...ตลาดหลักทรัพย์ประกาศให้หุ้น 7UP ย้ายหมวดจากกลุ่มสื่อสาร ไปซื้อขายในหมวดพลังงานแล้วนะ หลังรายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจพลังงานในฐานะผู้ให้บริการสถานีบริการแก๊ส LPG และธุรกิจพลังงานทดแทน มีผลตั้งแต่ 20 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป ย้ำกันไปเลยว่ารายได้ของ 7UP มาจากการขายน้ำ ขายไฟ และโรงกำจัดขยะ...รู้เรื่อง!!

อินเด็กซ์ 51