April 20, 2024   7:51:29 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > บล.กสิกรไทย จ่อลดเป้า SET ปีนี้ 2-4% จาก 1,750 จุด หากรัฐบาลใหม่ไม่ชัด
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 11/04/2019 @ 06:45:52
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

  นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ และ นางสาวปิยะฉัตร รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยในงาน “อนาคตหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและมุมมอง KS ต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/62” ระบุ จ่อปรับลดดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ ลงอีก 2-4% จากที่คาดการณ์ที่ 1,750 จุด หากยังไร้เงารัฐบาล แนะลงทุนกลุ่มพาณิชย์ ชู CPALL-BJC-HMPRO โดยมีสาระสำคัญดังนี้

  - ฝ่ายวิจัยยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,750 จุด โดยให้น้ำหนักเรื่องการเมืองในประเทศมากกว่าปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในครึ่งปีแรก ทำให้ระหว่างนี้ดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวที่ 1,600-1,675 จุด อย่างไรก็ตามหากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าออกไปกว่าที่คาด มีโอกาสที่จะลดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 62 ลงมากกว่า 2-4% จากเป้าหมายเดิม

  - นอกจากนี้มองว่า มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังเบาบาง กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างชาติ ยังคงรอความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาล แม้พื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่ โดยปีนี้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) จะขยายตัว 13% ลดลงจากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากฐานที่ต่ำในปี 61 ประกอบกับ ผลประกอบการไตรมาส 1/62 จะออกมาดี โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ซึ่งได้อานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในครึ่งปีแรกจะสูงกว่าในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งเพิ่มสมมุติฐานราคาน้ำมันโลกอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

  - ทั้งนี้แนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ ประกอบด้วย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL , บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO โดยจะได้แรงหนุนจากการบริโภคของภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น มาตรการกระตุ้นกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำจากรัฐบาลก่อนการเลือกตั้ง และ โอกาสที่จะมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดจากรัฐบาลใหม่ รายได้ภาคเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น และ รายได้นอกภาคเกษตรยังเติบโตเป็นบวกต่อเนื่อง

  “ผลประกอบการไตรมาส 1/62 คาดว่าจะออกมาดีขึ้น เช่น กลุ่มปิโตรเคมี เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 528 บาท/หุ้น , กลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 34.50 บาท/หุ้น ตลอดจนกลุ่มพลังงาน และ กลุ่มธนาคาร”

  - นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มโรงพยาบาล โดยคาดรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลของกลุ่มโดยรวมจะเติบโตขึ้น 7.8% ในปี 62 และ 7.7% ในปี 63 คาดว่าการเติบโตในกลุ่มผู้ป่วยเงินสดเติบโต 5-9% ทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ และ การเติบโตของรายได้กลุ่มประกันสังคมที่ฟื้นตัวขึ้นเป็น 2-7% จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตของรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลในปี 62-63 แนะเลือก บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

  “เราประเมินรายได้กลุ่มโรงพยาบาลไตรมาส 1/62 ไว้ที่ 3.13 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้แรงหนุนมาจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และ โรคท้องร่วงในไตรมาส 1/62 ซึ่งคาดว่าทุกโรงพยบาลจะมีรายได้ที่เติบโตขึ้น ส่วนภาพรวมไตรมาส 2/62 โดยปกติแล้วจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นสำหรับธุรกิจโรงพยาบาล เพราะมีวันหยุดมากทำให้กำไรลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่โตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลที่เราวิเคราะห์ทุกบริษัทจะมีการบันทึกสำรองผลประโยชน์พนักงานหลังเกษียณในไตรมาส 2/62 เพราะกฏหมายมีผลบังคับใช้ในเดือนพ.ค. ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารสูงขึ้น และ กดดันกำไรสุทธิของบริษัท แต่จะไม่กระทบ EBITDA”



รายงาน กรณัช พลอยสวาท
เรียบเรียง จารุวรรณ เอี่ยมยิ่งพานิช
อีเมล์. charuwan@efinancethai.com
อนุมัติ พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com