ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 เม.ย.62 ปิดที่ 1,646.18 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 438.62 ล้านบาท มีมูลค่าการซื้อขาย 26,998.94 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 47.75 บาท ลบ 0.25 บาท, KTC ปิด 38.25 บาท บวก 2.50 บาท, CPALL ปิด 76.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท, MINT ปิด 38 บาท บวก 0.25 บาท และ GULF ปิด 98.75 บาท บวก 1.50 บาท

หุ้น KTC พุ่งแรง มูลค่าซื้อขายหนาแน่น บล.บัวหลวงแนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 46 บาท ปรับกำไรขึ้นอีก 6% ปี 62 เป็น 5.9 พันล้านบาท และ 8% ปี 63 เป็น 6.5 พันล้านบาท คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อสูงกว่าประมาณการเดิมจาก 5% สำหรับทั้งปี 62 และ 63 มาอยู่ที่ 7% ทำให้บัวหลวงปรับราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 46 บาท

ขณะที่ในอีกด้าน ราคาหุ้นกลุ่มพันธมิตรซีพีที่จะได้งานรถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน ทั้ง BEM, CK และ ITD ขยับขึ้น หลังคาดว่าจะลงนามได้เดือน พ.ค.นี้

บล.เอเซียพลัสระบุว่า คาดว่าน่าจะเซ็นสัญญาได้ราว พ.ค. แต่อาจต้องใช้เวลาเวนคืนที่ดินบางจุดที่เป็นแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้คาดว่าการก่อสร้างจะเริ่มเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมต้นปี 63 ขณะที่โครงการนี้มีมูลค่างานก่อสร้าง 1.2 แสนล้านบาท ราว 53.5% ของมูลค่าทั้งหมด จะเอื้อผู้รับเหมาที่เป็นผู้ร่วมทุนทั้ง 3 ราย

พิจารณาเฉพาะ CK กับ ITD พบว่า CK น่าจะมีความพร้อมมากสุดด้วย net gearing ratio ต่ำเพียง 1.2 เท่า เทียบกับ ITD มี net gearing ratio ที่สูง 2 เท่า หากพิจารณาด้าน Backlog พบว่า ITD มี Backlog 2 แสนล้าน ขณะที่ CK มีเพียง 4.9 หมื่นล้าน ต่ำสุดรอบ 9 ปี การได้งานครั้งนี้ของ CK รวมถึงโอกาสในการพัฒนาที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานีมักกะสันบนพื้นที่ 150 ไร่ ที่จะเกิดโครงการเชิงพาณิชย์ แบบ Complex มูลค่างานราว 5-6 หมื่นล้านบาท เพิ่ม backlog ให้ CK แตะ 1 แสนล้านบาทได้ใน 1-2 ปีข้างหน้า ยังไม่รวมโครงการที่ยังต้องตามต่อคือ ทางด่วนดาวคะนอง-พระราม 3, งาน O&M มอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง, ศูนย์การแพทย์ขอนแก่น และศูนย์การแพทย์จุฬา

เมื่อบวกกับส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจากบริษัทย่อย 3 แห่ง (TTW, CKP, BEM) จะช่วยหนุนธุรกิจดูดีขึ้นมากในปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้น CK upside จากมูลค่าพื้นฐาน 34 บาท ราว 37% ชอบ CK มากกว่า ITD!!

อินเด็กซ์ 51