April 20, 2024   12:25:14 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดาน โมนิก้าและทีมงาน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 20/02/2019 @ 08:20:09
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

*ถือเป็นเรื่องประจำหากมีข่าวในประเทศออกมาทีไร โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศ มักจะทำให้ดัชนีตอบรับอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” เลยถือโอกาสนี้พูดถึงทิศทางธุรกิจ เพื่อทำให้นักลงทุนเห็นภาพการลงทุนได้ชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการเตือนสตินักลงทุนให้กำหนดรูปแบบการลงทุนด้วยตนเอง หรือถ้าเป็นไปได้ควรปรับพอร์ตให้เหมาะกับภาวะมากกว่าเดิมนะคะ

*เนื่องจากตัวเลข GDP ของไทยไตรมาส 4 ปี 2561 ที่เปิดเผยออกมาเติบโตเกินคาดประโคมข่าวว่าธุรกิจท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ! แต่เรายังเห็นกันอยู่ทนโท่ว่าเมื่อมองทั้งปียังต่ำกว่าคาด แถมตัวเลขส่งออกยังไม่กระเตื้อง แถมสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ก็ปาไปไตรมาส 3 ปี 2562 โน่น จึงเป็นการบ่งบอกให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจของไทยตอนนี้ยังไม่ฟื้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

*นอกจากนี้ยังมีปัจจัยของเงินบาทแข็งค่าเป็นตัวกดดัน ทำให้หุ้นส่งออกกำไรหดหาย ความน่าสนใจจึงยังไม่มี หนำซ้ำฝรั่งตาน้ำข้าวยังไม่หวนกลับมาซื้อหุ้นไทย ทำให้ภาพการลงทุนยังตื้อ ๆ ตัน ๆ แถมผลประกอบการ บจ.หลังผ่านมาครึ่งหลังของไตรมาส 1 ปี 2562 ยังไม่มีอะไรเป็นสีสันโดดเด่นสักเท่าไหร่นัก งานนี้ดัชนีถึงซึมตัวแบบหงอย ๆ ลงมาปิดที่ 1,635.71 จุด ลบไป 1.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.43 หมื่นล้านบาท

*ตัวอย่างที่ชัดเจนคือหุ้นส่งออกอิเล็กทรอนิกส์อย่าง KCE วานนี้ได้เห็นการฟื้นขึ้นมาแค่ระยะสั้น ๆ ในภาคเช้าที่เหล่านักเล่นลากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดถึง 27.50 บาท มองเป็นการซื้อหลังหุ้นลงหนักเพื่อมาขายกำไรสั้น ๆ เท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยกดดันผลประกอบการอยู่ ถึงไม่มีแรงจูงใจให้ถือหุ้นในระยะยาว “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นลงมาทรงตัวปิดที่ระดับ 26.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 605.91 ล้านบาท

*ส่วนในรายของ PTG เป็นเทรนด์ขาลงทั้งเทคนิคและผลประกอบการที่ยังมองว่าปี 2561 ยังหดตัวถึง 30% จากปีก่อน กดดันให้ผลงานในปีนี้ดูเหมือนจะฟื้นตัวได้ยากจากการแบกรับค่าใช้จ่ายธุรกิจ non-oil อีกทั้งด้านเทคนิคเส้น 10 วันยังเป็นด่านหินที่ผ่านไปไม่ได้ จึงเป็นเหมือนการซ้ำเติมให้หุ้นลงไปปิดที่ระดับ 9.45 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือ 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 313.67 ล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าค่ะ

*ตรงกันข้ามกับกรณีของ TOP ที่ยังย่ำอยู่แถว ๆ 74 บาท ไม่ไปไหนไกล หลังจากผิดหวังจากผลประกอบการปี 2561 แต่ “โมนิก้า” มองว่าทิศทางของผลประกอบการต่อจากนี้ยังดูดี การที่ราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 73.75 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือ 0.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 971.70 ล้านบาท จึงมองเป็นโอกาสทยอยเก็บของ เพราะยังมีปัจจัยบวกหนุนอย่างอุ่นหนาฝาคั่งจากทั้งราคาน้ำมันขาขึ้น และสต๊อกน้ำมันราคาต่ำไว้มากจึงทำให้หุ้นตัวนี้ยังน่าลุ้นให้เด้งกลับนะซี

*ส่วนในรายของ CPT หลังจากโดนถล่มเทขายอย่างหนักหน่วง ล่าสุดยังไปไหนไม่ได้ ยืนปิดที่ระดับ 1.07 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24.62 ล้านบาท “โมนิก้า” ตีความว่า หุ้นยังมีโอกาสลงเสียมากกว่าขึ้น ด้วยไซเคิลของหุ้นยังเป็นการโค้งตัวลงอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกเกมโหดที่ใครไม่กล้ารับความเสี่ยงต้องรีบกระโจนหนีอย่างไว เพราะวันนี้ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรมนะจะบอกให้

*ด้านหุ้น SAWAD ราคาร่วงมา 3 วันติด ล่าสุดราคาอ่อนตัวลงมาปิดอยู่ที่ระดับ 48.25 บาท ลบ 2 บาท หรือ 3.98% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 469.35 ล้านบาท อาการย่อตัวลงแบบนี้ “โมนิก้า” มองว่าอาจจะหนักไปทางขายหมู เพราะเซียนหุ้นหลายสำนักต่างฟันธงในแนวเดียวกันว่า ผลงานสิ้นปี 2561 จะออกมาสดใส แถมโตยาวถึงปี 2562 ด้วยพื้นฐานแจ่มแจ๋ว แต่หุ้นกลับลงมาขนาดนี้เป็นโอกาสน่าตามไปเก็บนะเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ TKN พยายามไต่กลับขึ้นไปยังจุดเดิม หลังจากเป็นขาลงมาพักใหญ่จากคาดการณ์ว่าผลงานไตรมาส 4/2561 ยังไม่น่าตื่นเต้น จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 10.70 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146.45 ล้านบาท หลังมีพรายกระซิบมาว่า กำไรปีนี้จะเติบโตถึง 30% ทำให้มีความคาดหวังให้ราคากลับไปยืนอยู่แถว ๆ 17 บาทได้อีกครั้งในไม่ช้าเจ้าค่ะ

*ปิดท้ายกันที่พ่อดอกมะลิ JAS วานนี้ประกาศกำไรปี 2561 โตทะลักเฉียด 5 พันล้านบาท พ่วงแจกปันผลคิดเป็นยีลด์ 4.5% แต่ราคาหุ้นทำได้แค่ขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.15 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือบวกไป 0.82% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 176 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าเมื่อราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงตอนนี้เลยเป็นจุดที่นักลงทุนเริ่มชะลอแรงซื้อเท่านั้นเองเจ้าค่ะ…อิอิ

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com