ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ธ.ค.61 ปิดที่ 1,672.61 จุด เพิ่มขึ้น 30.81 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 60,562.30 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,676.95 ล้านบาท กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 9,400 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 143.60 ล้านบาท ส่วนรายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่รายย่อยขายสุทธิ 12,314.12 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 71.50 บาท บวก 3.25 บาท, PTT ปิด 51.75 บาท บวก 2.50 บาท, PTTEP ปิด 140.50 บาท บวก 8.50 บาท, KBANK ปิด 196.50 บาท บวก 3 บาท และ AOT ปิด 65.75 บาท บวก 2 บาท

“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินทิศทางหุ้นไทยเดือน ธ.ค. แกว่งตัว Sideways มีกรอบแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด ประเมินระดับดัชนีที่เหมาะสมในแง่ Valuation อยู่ที่ 1,640–1,650 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่า Forward PE 14 เท่า

แนะกลยุทธ์ การลงทุนสำหรับนักลงทุนที่แบ่งขายทำกำไรไปแล้วบริเวณดัชนี 1,640-1,650 จุด ถือหุ้นในส่วนที่เหลือต่อ และรอขายทำกำไรหากดัชนีปรับขึ้นไปยังบริเวณกรอบแนวต้านด้านบนที่ 1,700 จุด

โดยมองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนเดือนนี้ ได้แก่
1.กลุ่มค้าปลีก เช่น ROBINS เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศยังคงมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง
2.กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ แนะนำหุ้น SAT ที่ราคาปรับตัวลงมาแรงมาก สวนทางกับยอดผลิตรถยนต์ที่ยังเติบโตโดดเด่น
3.กลุ่มพลังงาน เลือก PTTEP เนื่องจากประเมินว่าราคาน้ำมันที่ระดับปัจจุบันมี Upside มากกว่า Downside แล้ว และ
4.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น BBL, KTB หาก กนง.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งดูเหมือนจะมีโอกาสมากขึ้น

ส่วนหุ้นกลุ่มที่ยังคงแนะนำให้ลดหรือเลี่ยงการลงทุนในช่วงนี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ สนามบิน สายการบิน โรงแรม รวมถึงบริษัทที่ขายสินค้าและบริการที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยสงครามการค้าและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ชะลอตัวลง

และกลุ่มที่อยู่อาศัย เนื่องจากมีความเสี่ยงมากขึ้นที่ กนง.จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธันวาคมนี้.

อินเด็กซ์ 51