หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด CPALL ปิด 68.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, GULF ปิด 70.50 บาท บวก 1 บาท, EA ปิด 44.75 บาท บวก 2.50 บาท, PTTEP ปิด 149.50 บาท บวก 1.50 บาท และ PTT ปิด 51.75 บาท ลบ 0.25 บาท

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า ตลาดหุ้นตอบรับประเด็นการเลือกตั้งเร็วและแรงเกินไป เนื่องจากสถิติย้อนหลังช่วง 6 เดือนก่อนมีการเลือกตั้ง ซึ่งไปสำรวจข้อมูลมา 6 ครั้งหลังสุด พบว่า SET Index ปรับตัวขึ้นเฉลี่ยเพียง 0.84% เท่านั้น โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวก 4 ใน 6 ครั้ง

ขณะที่ในช่วงเดียวกันนั้น เมื่อไปดูข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ พบว่าไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในระดับที่ไม่สูงมาก มียอดซื้อสุทธิเฉลี่ยเพียง 2.6 พันล้านบาทต่อครั้ง ในช่วง 6 เดือนก่อนเลือกตั้ง และเป็นการซื้อสุทธิ 2 ใน 6 ครั้ง

จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณ และจากข้อมูลสถิติย้อนหลังดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่าตลาดคาดหวังประเด็นเลือกตั้ง รวมถึงโอกาสที่ Fund Flow จะไหลกลับเข้ามาหนุน SET Index มากเกินไป

ขณะที่เมื่อไปดูพรรคการเมือง ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆที่จะ หาเสียงในการเลือกตั้งได้ จนกว่าจะเป็นช่วงหลังวันที่ 11 ธ.ค.2561 แล้ว ประกอบกับปัจจุบัน พบว่าราคาหุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัท ปรับตัวขึ้นแรงจนมี upside จำกัดแล้ว จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นที่อาจมีออกมา ซึ่งในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนควรต้องพิถีพิถันในการเลือกหุ้น (Selective Buy) เพื่อลดความเสี่ยง

แนะกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้ เลือกหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง, ราคายัง Laggard ได้แก่ BANPU, CENTEL, BGRIM, LPN และ TFG เลือกหุ้นรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากจะตอบรับ Sentiment การเลือกตั้ง ได้แก่ CK, SEAFCO, SCC และ SCCC

และเลือกหุ้น Domestic ที่เกาะกระแสการเมืองในประเทศ ได้แก่ ADVANC, BJC และเก็งกำไรหุ้น CPALL หลังราคาปรับฐานแรงจนมี upside สูง รวมถึง MACO!!

อินเด็กซ์ 51